กมธ.ป.ป.ช.สภาฯ เร่งรัด กทม.ส่งเอกสาร 7 ประเด็นบริษัทญี่ปุ่นติดสินบน กทม.สร้างอุโมงค์ระบายน้ำ มั่นใจมีหลักฐานฮั้วประมูลงานต้องมีคนติดคุกสังเวย เตรียมเรียก “หมัก” ชี้แจงเพราะเผลอหลุดปากเฉลยอักษรย่อ
วันนี้ (22 ก.ค.) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติไม่ชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยความคืบหน้าในการตรวจสอบกรณีผู้บริหารบริษัท นิชิมัตสึ คอนสตรัคชั่น จำกัด ของญี่ปุ่น ให้การกับอัยการของญี่ปุ่นว่า เคยจ่ายเงินสินบนกว่า 125 ล้านบาท ให้กับเจ้าหน้าที่ของไทย เพื่อแลกกับการได้งานโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ คลองแสนแสบ-ลาดพร้าว ของ กทม.เมื่อปี 2546 สมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ว่าฯ กทม.ว่า กทม.ยังไม่ส่งเอกสารที่กรรมาธิการฯ ขอไปทั้งหมด 7 ประเด็นมาให้
“หากได้เอกสารแล้วจะสามารถสรุปได้ภายใน 2 สัปดาห์ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร มีใครเกี่ยวข้องบ้าง มีความผิดหรือไม่อย่างไร ดังนั้น กทม.ต้องรีบส่งเอกสารมาให้ แต่อย่าคิดว่ากรรมาธิการฯ ไม่มีเอกสาร แล้วจะทำอะไรไม่ได้” นายชาญชัย กล่าว และว่ากำลังประสานเพื่อเดินทางไปขอเอกสารจากประเทศญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม นายชาญชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่นก็มีคนติดคุกได้ โดยกรรมาธิการฯ กำลังดูข้อกฎหมาย เช่น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ที่มีการทักท้วงแล้ว แต่กลับไม่พิจารณาให้รอบคอบ ซึ่งหากทำผิด มีโทษจำคุก 3 ปี และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) โทษจำคุก 7-20 ปี ซึ่งส่วนตัวมีเอกสารชัดเจนเกี่ยวกับเซ็นตอบโต้ระหว่างผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ กำลังดูว่ามีเหตุจูงใจในการทุจริตหรือไม่ เบื้องต้นพบว่า มีเงิน 500 ล้านบาท หมกอยู่ในการตั้งงบประมาณดังกล่าว
“ที่สำคัญตั้งแต่มีข่าวการรับสินบน นายสมัครยังไม่แก้ปัญหาเกี่ยวกับชื่อเสียงของประเทศที่ถูกกล่าวหาว่ารับสินบน และยังไม่สั่งให้หน่วยงานใดดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ ดังนั้น กรรมาธิการฯ จึงเห็นพ้องกันว่าต้องเชิญนายสมัครมาชี้แจง เพราะเป็นผู้ที่ออกมาพูดว่า 2 ส และ 1 ธ คือใคร” นายชาญชัย กล่าว
นอกจากนี้ นายชาญชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานราชการ มักมีพฤติกรรมไม่ให้ความร่วมมือส่งเอกสารมาให้สภาฯ ทั้งที่สภาฯ มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 135 ดังนั้น ในการเปิดสภาฯ สมัยหน้าจะมีการเสนอให้สภาฯ ออกกฎหมายลงโทษทางอาญาต่อผู้ที่จงใจไม่ส่งเอกสารให้สภาฯ
