“จรัญ” ฝากนักนักกฎหมายยึดหลักนิติธรรม และเป็นเสาหลักค้ำยันสังคมไทย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นอนาธิปไตย ระบุอำนาจอธิปไตยต้องอยู่ในกำมือประชาชน ไม่ใช่อยู่ในมืองของคนที่ใช้เศษเงินหย่อนบนหัวประชาชน ขณะเดียวกัน ย้ำการพูดเรื่องโจรแก้กฎหมายว่าแค่ตั้งคำถามให้สังคมช่วยตอบ ไม่เชื่อ ส.ส.พลังแม้วจะถอดถอนได้
วันนี้ (18 ก.ค.) นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ บรรยายในหัวข้อ “เนติบัณฑิตกับทางชีวิตที่ปลอดภัย” ต่อเนติบัณฑิต รุ่นที่ 60 ของเนติบัณฑิตยสภาว่า ขอโอกาสพูดถึงภารกิจต่อสังคมที่เนติบัณฑิตต้องออกไปแบกรับแทนรุ่นพี่ในวิชาชีพกฎหมาย หลายคนอาจมองเป็นวิชาชีพที่ไม่เกี่ยวกับสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไม่เกี่ยวกับความเจริญ ความเสื่อมของสังคม แต่ความจริงวิชาชีพกฎหมายเป็นวิชาชีพที่เป็นเสาหลักค้ำยันสังคมไทย หากปราศจากวิชาชีพนี้ สังคมไทยจะเป็นอนาธิปไตย คนที่มีกำลังหรืออำนาจมากกว่าจะยึดครองอำนาจ ใช้อำนาจโดยปราศจากกฎเกณฑ์ หรือกติกา อำนาจอธิปไตยของคนในประเทศนี้ต้องอยู่ในกำมือประชาชน ไม่ใช่อยู่ในมือคนที่ใช้เศษเงินหย่อนลงบนหัวประชาชนแล้วขายขาดอำนาจอธิปไตย
นายจรัญ กล่าวอีกว่า เรายังมีหลักกฎหมายอีกมากมายที่เข้าไปสร้างความมั่นคงให้ประเทศไทยโดยผ่านการต่อสู้ของเนติบัณฑิต ขอยืนยันว่าคำกล่าวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะคนที่อยู่ในวงการกฎหมาย แม้แต่บุคคลในวงวิชาการแขนงอื่นยังได้เรียกร้องหลักการเดียวกัน หากนักกฎหมายไทยรวมพลังกันช่วยกันผลักดันโดยการใช้กฎหมายด้วยประโยชน์สาธารณะจะสามารถไปถึงเป้าหมายสูงสุด คือ สร้างประโยชน์สุขแห่งมหาชนได้จริง เพื่อนำสังคมและประเทศชาติไปในทิศทางที่ถูกต้อง
“ประโยชน์สุขในที่นี้ ไม่ใช่ประโยชน์ของพรรคใดพรรคหนึ่งคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องเป็นประโยชน์ของมหาชนชาวสยาม เช่นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานไว้ในปฐมบรมราชโองการ” นายจรัญ กล่าว
นอกจากนี้ นายจรัญยังกล่าวถึงกรณีที่นักการเมืองออกมาวิพากษ์วิจารณ์บทบาทตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ภายหลังจากที่นายจรัญออกมาตั้งคำถามถามประชาชน ถึงความรู้สึกต่อบ้านเมืองว่า ตนเพียงตั้งคำถามเพื่อถามประชาชน ถามสังคม เพราะต้องการฟังความคิดเห็นของประชาชน
“ผมเหมือนอยู่หอคอย และไม่มีโอกาสพบกับประชาชน จึงอยากฟังเสียงสะท้อนจากสังคม จากประชาชนบ้าง เพื่อที่จะทำงานได้ถูกต้อง” นายจรัญ กล่าว
ต่อกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนดำเนินกระบวนการถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในการเปิดประชุมสภาฯ สมัยสามัญนิติบัญญัติ นายจรัญ ตอบสั้นๆ ว่า ไม่คิดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่จะปฏิบัติเช่นนั้นได้