ปชป.เชื่อรัฐบาลส่งสัญญาณยุบสภา ออก 6 มาตรการใช้ซื้อเสียงล่วงหน้า จวก หมัก มือวางเพลิงเผาบ้านเมืองตัวจริง เล็ง ถอดถอน “ลุงชัย” ไม่หวั่น กระทบชิ่ง ส.ส.พรรคตัวเอง
วันนี้ (16 ก.ค.) นายเทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงมาตรการ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ของรัฐบาล ว่า มาตรการดังกล่าวถือว่าเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าจะมีการยุบสภาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเมื่อดูจากห้วงเวลา 6 เดือนของมาตรการดังกล่าว มีความสอดคล้องกับคำประกาศของ นายสามารถ แก้วมีชัย ประธานคณะกรรมการงานพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะใช้กระบวนการของสภาแก้รัฐธรรมนูญ ให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน จากนั้น 2 เดือนก็จะยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ในระหว่างที่ 6 มาตรการนี้ ยังมีผลอยู่ นอกจากนี้ รูปแบบการใช้ 6 มาตรการ ถือเป็นการหาเสียงอย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลคิดจะใช้คูปองช่วยเหลือคนจน แต่เมื่อเห็นว่า การใช้คูปองหวังคะแนนเสียงได้ในวงแคบ จึงพลิกรูปแบบมาเป็นการใช้ 6 มาตรการ 6 เดือน เพื่อจะได้คะแนนเสียงในภาพกว้างมากขึ้น ดังนั้น จะเห็นได้ว่า มาตรการนี้เป็นวิธีการหาเสียง เพื่อปูทางไปสู่การยุบสภาอย่างชัดเจน จึงตั้งข้อกล่าวหาได้เลยว่า รัฐบาลกำลังซื้อเสียงล่วงหน้า และผลประโยชน์จะตกอยู่กับพรรคพลังประชาชนเพียงพรรคเดียว จึงอยากถามพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะทนดูการโกยคะแนนของพรรคพลังประชาชน โดยใช้งบประมาณแผ่นดินอยู่ได้อย่างไร
นายเทพไท กล่าวว่า ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีประกาศชัดเจนว่า จะต้องแก้อย่างแน่นอนหลังเปิดสภานั้น เชื่อว่า รัฐบาลจะยืมต้นร่างของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (คปพร.) ที่ตกไปแล้วครั้งก่อนมาใช้บังหน้าอีก ดังนั้น การประกาศยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการโหมสถานการณ์ทางการเมืองให้รุนแรงยิ่งขึ้น มิหนำซ้ำ นายสมัคร ยังเติมความร้อนแรงทางการเมืองขึ้นมาอีกว่าตัวเองเป็นคนสั่งให้ลูกพรรคไปร้อง กกต.ให้ตรวจสอบการถือหุ้นของ ส.ส.ฝ่ายค้าน และ ส.ว.โดยไม่ได้ยื่นในส่วนของ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ซึ่งแสดงให้เห็นเจตนาที่ชัดเจนว่าเป็นการแก้แค้นทางการเมือง และมุ่งหวังสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น จึงขอกล่าวหานายกรัฐมนตรี ว่า เป็นนายกรัฐมนตรีที่เติมเชื้อไฟให้บ้านเมืองตลอดเวลา น่าจะได้รับฉายาว่าเป็นมือวางเพลิงตัวจริง ทั้งหมดเป็นพฤติกรรมกวนน้ำให้ขุ่น เพิ่มความวุ่นวาย พยายามสร้างสถานการณ์ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองทุกวันนี้ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นต้นเหตุ
นายเทพไท กล่าวว่า ส่วนเรื่องการปรับใหญ่ครม.นั้น เห็นว่าจะเป็นการพิสูจน์ว่านายสมัครมีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการรัฐบาลจริงหรือไม่ นายสมัคร สามารถปรับ ครม.ได้เลยทันที ไม่ต้องรอให้ถึงวันที่ 28 ก.ค.อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า นายสมัคร จะไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนเดิม เพราะต้องไปต่อรองกับนายใหญ่เจ้าของพรรคตัวจริงเสียก่อน นอมินีอย่างนายสมัครจึงอยู่ในฐานะที่ไม่สามารถทำอะไรได้ จะทำได้เพียงการซื้อเวลาเพื่อต่อรองกับผู้บงการเท่านั้น
ด้าน นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐ ซึ่งอาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 265(2) ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นถอดถอนนายชัย เพื่อแสดงให้เห็นว่าพรรคไม่ได้นิ่งเฉยกับเรื่องนี้หรือกลัวว่าจะกระทบพรรค เพราะมีส.ส.ที่โดนกรณีเดียวกัน แต่เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ที่ต้องทำให้ข้อกฎหมายเรื่องนี้กระจ่าง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือว่าจะทำในนามของพรรค หรือทำในฐานะสมาชิกสภาฯ ซึ่งเบื้องต้นกำลังรวบรวมส.ส.ที่เห็นด้วยให้ครบตามจำนวน 1 ใน 10 ที่รัฐธรรมนูญกำหนดตามมาตรา 91
นายสาธิต กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ กรณีความผิดของนายชัยเป็นการถือหุ้นในบริษัท ที่เป็นสัมปทานของรัฐ ซึ่งแตกต่างจากกรณีที่ 28 ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ที่เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐ ดังนั้น จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม พรรคไม่กังวลต่อเรื่องนี้ และคงปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป