ที่ประชุมตุลาการศาล รธน.ยืดเวลาชี้แจงให้ “สมัคร” กรณีชิมไปบ่นไปตามคำร้องขอของส.ว. พร้อมรับคำแก้ข้อกล่าวหา “วิรุฬ” ขาดคุณสมบัติรวมไว้ในสำนวนแล้ว
วันนี้ (14 ก.ค.) นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวภายหลังการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้นัดให้มีการแถลงด้วยวาจาก่อนและลงมติในคำร้องที่ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง (เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเป็นประธานกรรมการข้าราชการรัฐสภา (ก.ร.) ของประธานรัฐสภาและการเป็นรองประธาน ก.ร.ของรองประธานรัฐสภา พ.ร.บ.สถาบันพระปกเกล้า พ.ศ.2541 มาตรา 8 (1) (2) (3) เฉพาะกรณีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ (4) และพ.ร.บ.สภาพัฒนาการเมือง พ.ศ.2551 มาตรา 7 (3) และ (5) มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 265 และ 266 หรือไม่ ในวันอังคารที่ 22 ก.ค.นี้เวลา 09.30 น.
นอกจากนี้ ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังมีคำสั่งรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ รวมไว้ในสำนวนคำร้องแล้ว ซึ่งก็จะส่งให้ประธานวุฒิสภารับทราบต่อไป ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะนัดอภิปรายคำร้องดังกล่าวเมื่อใดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งโดยในสัปดาห์หน้าตุลาการได้นัดประชุมในวันอังคารที่ 22 และวันพุธที่ 23 ก.ค.
ส่วนกรณีการขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ที่ไปจัดรายการ “ชิมไปบ่นไป และยกโขยง 6 โมงเช้า” ตามคำร้องขอขส.ว.ขอให้วินิจฉัยเข้าข่าย ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ที่ห้ามนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งในห้างหุ้นส่วนบริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือเป็นลูกจ้างของบุคคลหรือไม่นั้น ปรากฏว่า นายสมัครได้ประสานมายังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอขยายเวลาในการชี้แจงออกไปอีก โดยศาลรัฐธรรมนูญได้อนุญาตไปตามที่นายสมัครร้องขอแล้ว
สำหรับกรณีที่ กกต.ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของนายไชยา สะสมทรัพย์ อดีต รมว.สาธารณสุข เนื่องจากไม่แจ้งการถือครองหุ้นของภรรยานั้น ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี เพราะได้มีคำวินิจฉัยในคำร้องดังกล่าวที่ประธานวุฒิสภาฯ ยื่นมาไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า คำร้องเกี่ยวกับคุณสมบัตินายไชยาที่ กกต.ส่งมา ปรากฏว่า กกต.ส่งถึงสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 11 ก.ค. ซึ่งหลังจากที่ศาลรัฐรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไปแล้วในวันที่ 9 ก.ค.