“สนธิ” เผยเรื่องควรรู้เกี่ยวกับในหลวง พร้อมขอเดินตามรอยพระบาท ต่อสู้โดยไม่ท้อ เพราะเดิมพันสูง คือบ้านเมือง เผยความฝันอยากเห็นไทยถอนตัวจากยูเนสโก ส่งทหารบกตรึงเขาพระวิหาร ตั้งฐานทัพเรือที่เกาะกูด บีบบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังฮุนเซนให้มาเจรจา พร้อมอยากเห็น ครม.ติดคุกตลอดชีวิตทั้งคณะ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 13 ก.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวทีสะพานมัฆวานฯ โดยได้นำเรื่องน่ารักๆ ที่ควรรู้และน่าปลื้มใจเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 77 เรื่อง มาอ่านให้ผู้ร่วมชุมนุมได้ฟัง เช่น เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ ได้ค่าขนมจากสมเด็จย่าอาทิตย์ละครั้ง แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้มาขาย เมื่อได้เงินก็ทรงนำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูก ทรงโปรดการเลี้ยงสัตว์นานาชนิดรวมถึงงู สุนัขทรงเลี้ยงตัวแรกเป็นสุนัขไทย แต่ตั้งชื่อบ๊อบบี้
ระหว่างการประทับที่สวิตเซอร์แลนด์ระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่ใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่า ทรงได้รับการอบรมจากสมเด็จย่าให้รู้จักการออม โดยการหักเงินเก็บเข้ากระป๋องที่เรียกว่ากระป๋องคนจนทุกเดือน ทรงเก็บเงินเพื่อซื้อจักรยานคันแรกในชีวิต กล้องตัวแรกที่ซื้อทรงเก็บเงินซื้อเองได้ตอนพระชนมายุ 8 พรรษา ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปเรียนแทนการนั่งรถพระที่นั่ง ทรงได้รับการอบรมจากสมเด็จย่าให้รู้จักแผนที่ประเทศไทย
พระอัจฉริยภาพของในหลวงมาจากการเล่นและประดิษฐ์คิดค้นตั้งแต่สมัยยังทรงพระเยาว์ เคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐาซื้อชิ้นส่วนวิทยุมาทีละชิ้น มาประกอบเองแล้วแบ่งกันฟัง พระองค์ทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด แต่ชิ้นแรกที่เล่นคือหีบเพลง หรือแอคคอร์เดียน เมื่อพระชนมายุได้ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองมาหัดเล่นด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ และสมเด็จย่าทรงออกให้ครึ่งหนึ่ง
ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรกเมื่อพระชนมายุ 18 พรรษา คือ เพลงพระราชนิพนธ์ “แสงเทียน” จนปัจจุบันมีเพลงพระราชนิพนธ์ทั้งสิ้น 48 เพลง บางครั้งทรงเอาซองจดหมายมาตีเส้น 5 เส้น แล้วเขียนเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น คือ เพลงเราสู้ ทรงโปรดการถ่ายภาพเช่นเดียวกับสมเด็จย่าและสมเด็จปู่ ทรงโปรดการถ่ายภาพยนตร์ ทรงถ่ายภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออกฉายเพื่อหาเงินสร้างโรงพยาบาล
ทรงเล่นกีฬาหลายชนิด ที่โปรดเป็นพิเศษ คือ แข่งเรือใบ ครั้งหนึ่งทรงเรือใบออกไปไม่นานก็วกกลับมา เพราะเรือของพระองค์โดนทุ่น ซึ่งผิดกติกา ทั้งที่ไม่มีใครเห็น แต่พระองค์ท่านรู้ว่าผิดกติกาจึงนำเรือกลับ
“ทำไมข้าราชการการเมืองเลวๆ ในไทยไม่ศึกษาพระองค์ท่านในเรื่องความยุติธรรม” นายสนธิกล่าว
นอกจากนี้ พระองค์ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาการผลิตเชื้อเพลิงจากวัสดุการเกษตรตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2549 องค์การสหประชาชาติได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณ โดยนายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติขณะนั้นเดินทางมาถวายด้วยตนเอง
พระองค์ทรงจัดพิธีราชาภิเษกสมรสกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 ทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป และทรงไปฮันนีมูนที่หัวหิน ในประเทศไทย ของใช้ส่วนพระองค์ไม่จำเป็นต้องแพงและมีแบรนด์เนม เครื่องประดับของพระองค์ไม่มีอะไรเลย นอกจากนาฬิกา ยาสีพระทนต์พระองค์ทรงใช้จนไม่เหลือ
โครงการพระราชดำริของพระองค์ถึงปัจจุบันมีมากว่า 3 พันโครงการ ครั้งหนึ่งเมื่อพระองค์เสด็จเยี่ยมโครงการห้วยสักใหญ่ เมื่อ ฮ.พระนี่นั่งมาถึง ฝนตกอย่างหนัก ข้าราชการที่มารอรับเสด็จฯ ยืนเปียกฝน จึงรับสั่งให้ราชองครักษ์เก็บร่ม และเสด็จเยี่ยมข้าราชการและประชาชนท่ามกลางสายฝนเปียกไปพร้อมกับประชาราษฎร์ของพระองค์ท่าน
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช (อดีตนายกรัฐมนตรี) เคยกราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างไหม ในหลวงทรงตอบว่า ความจริงมันน่าท้ออยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
ห้องทรงงานของพระองค์กว้าง 3 เมตร ยาว 4 เมตร สุนัขทรงเลี้ยงนอกจากคุณทองแดงแล้วยังมีอีก 33 ตัว ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน ทรงลงพระนามในอาชีพของพระองค์ว่า 'ทำราชการ' ทรงใช้ดินสอปีละ 12 แท่ง หรือเดือนละแท่งใช้จนหมดค่อยเบิกใหม่ ทรงเป็นผู้ประดิษฐ์แบบตัวอักษร(ฟอนต์) จิตรลดา และ ภูพิงค์
พระองค์เริ่มพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อปี 2493 จน 29 ปีต่อมา มีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรรวมทั้งหมด 141 ตัน ดอกไม้ประจำพระองค์คือ ดอกดาวเรือง สีประจำพระองค์เหลือง สีที่เป็นกาลกิณี คือ สีแดง
นายสนธิ กล่าวว่า นี่คือส่วนหนึ่งของเรื่องเล็กน้อยๆ ที่เกี่ยวกับพ่อหลวงเราที่เราควรรู้ และเมื่อรู้แล้วภูมิใจ มากกว่าเก่า ที่เรามีพระมหากษัตริย์แบบนี้
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ที่อ่านแล้วซาบซึ้งอย่างมากน้ำตาคลอ ตอนที่พระองค์ท่านทรงตอบ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ว่า บางครั้งเราก็ท้อ แต่ท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันมันสูงเหลือเกิน เดิมพันคือชาติบ้านเมือง ตนไม่เสียใจเลย และภูมิใจที่ได้เดินตามรอยพระบาทพระองค์ท่าน ที่ตนไม่ท้อ เพราะว่าเดิมพันคือบ้านเมือง พ่อแม่พี่น้องก็ปรบมือให้ตัวเองที่ไม่ท้อ เพราะเดิมพันของพวกเราคือชาติบ้านเมือง
ก่อนจบ นายสนธิกล่าวถึงความฝันว่า ในวันพรุ่งนี้รัฐบาลจะประกาศยกเลิกมติ ครม.และดำเนินคดีอาญาให้พวกที่ทำเรื่องเขาพระวิหาร ติดคุกตลอดชีวิตทั้ง ครม. เสร็จแล้วมีคำสั่งให้ประเทศไทยลาออกจากยูเนสโก และทำหนังสือแจ้งองค์การสหประชาชาติว่า สิทธิที่เราเคยสงวนไว้ในปี 2505 ที่จะทวงปราสาทพระวิหารยังเป็นสิทธิที่เราจะใช้อยู่ และแจ้งไปยังคณะกรรมการมรดกโลก ที่ปองพลเซ็นให้ 7 ประเทศมาร่วมฟื้นฟูปราสาทพระวิหารเป็นโมฆะ เพราะเราลาออกจากยูเนสโกแล้ว
หลังจากนั้น สั่งกองทัพภาคที่ 2 และ กองทัพภาคที่ 1 ปิดพรมแดน 40 จุดตามแนวชายแดนไทย-เขมร รวมสระเแก้ว-ปอยเปต คลองเล็ก ตราด แล้วให้กองทัพภาคที่ 2 เดินไปล้อมรั้วที่ปราสาทพระวิหาร แล้วผลักดันคนเขมรออกนอกพื้นที่ให้หมด แล้วตั้งทหารบกพร้อมอาวุธหนัก รถถัง 4-5 คัน ทหาร 2 กองพันอยู่ที่ปราสาทพระวิหาร
ขณะเดียวกัน สั่งกองทัพเรือให้ตั้งฐานทัพเรือย่อยที่เกาะกูด ของบฯ จากส่วนกลางสร้างลานบิน ที่เอฟ 16 และเครื่องบินทิ้งระเบิดของกองทัพอากาศสามารถขึ้นลงได้ทั้งกลางวันกลางคืน ให้เรือรบหลวงจอดที่เกาะกูด 2 ลำ เรือตรวจการอีก 10 ลำ ใครรุกล้ำน่านน้ำเกาะกูด ยิงทันที
นอกจากนั้นจะไล่เปลี่ยนตัวคณะกรรมการปักปันเขตแดนในทะเลที่ตั้งมาสมัย พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ ไล่ออกให้หมด การเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการทหารเรือต้องเปลี่ยนทันทีที่มีรัฐบาลใหม่ ต้องเปลี่ยนทันที เปลี่ยนผู้ว่าราชการจังหวัดตราด นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดตราด ผกก.ทุกโรงพัก ไม่ให้จังหวัดตราดให้ความร่วมมือกับคนไทยที่ไปลงทุนในเกาะกง นั่นคือ ความฝัน
นายสนธิ กล่าวว่า ทำไมต้องพูดเช่นนี้ ก็เพราะคนที่อยู่เบื้อหลังเขมรนั้น พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญคือบริษัทน้ำมันทั้งจากอเมริกา ยุโรป และจีนที่อยู่เบื้องหลังฮุนเซน ชาติเหล่านี้จึงเข้ามาเกี่ยวพันกับการฟื้นฟูพระวิหาร เพราะทุกคนต้องการมีเอี่ยวกับหลุมน้ำมันกลางทะเล
“ถ้าเราแข็งกร้าวไม่ยึดแผนที่ของเขา ต่อรองยังไงเราก็ไม่ยอม มันจะเกิดอะไรขึ้น 6-7 ประเทศ ที่อยากได้น้ำมันจนตัวสั่นมันก็จะมาถามว่า ทำยังไง เราถึงจะมานั่งโต๊ะเจรจากันได้ ง่ายนิดเดียว ไล่ฮุนเซนออกไป ไล่ทักษิณออกไป ถึงวันนั้นฮุนเซน ทักษิณ ไม่มีความหมาย หลักในการทะเลาะวิวาท คือ ใครชกก่อนคนนั้นได้เปรียบ เราต้องชกก่อน
ที่สำคัญ รัฐบาลใหม่ต้องสร้างปรากฏการณ์ขึ้นมา จึงขอวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ พระบูรพมหากษัตริย์ ถ้ามีรัฐบาลใหม่ ผมอยากเห็น ครม. ไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าผู้หญิง ผู้ชาย ผู้เฒ่า ผู้แก่ ติดคุกให้หมดตลอดชีวิต รวมจนถึงนายพลทั้งหลายที่เกี่ยวข้องในหน้าที่ที่ไปรับรองนายนพดล และนายสมัคร ต้องติดคุกด้วย ปลัดกระทรวงการต่างประเทศถ้าเกี่ยวข้องก็ต้องติดคุก เราต้องทำให้เป็นตัวอย่าง ให้ลูกหลานเห็นว่าใครขายชาติ ต้องติดคุก”
“พี่น้อง ระหว่างผม แกนนำพันธมิตรฯ พ่อแม่พี่น้องที่นั่งอยู่ที่นี่และดูเอเอสทีวีอยู่ เวลาเราตาย เราตายหนักอย่างขุนเขา เพราะว่าเราตายด้วยความรักชาติรักแผ่นดิน ไอ้พวกที่ผมเอ่ยชื่อ มันตายเบาอย่างขนนก เพราะมันตายอย่างคนขายชาติ” นายสนธิกล่าวทิ้งท้าย