“ครูลักขณา” ยกคำทำนายโหรสมัย ร.1 ระบุดวงเมืองปัจจุบันเป็นยุคของชาวศรีวิไล คนไทยจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในทุกด้านหลังจากนี้ พร้อมยก “สนธิ” คนดีมาเกิดทำให้ประชาชนรู้ความจริงมากขึ้น เชื่อการทำงานของ 5 แกนนำพันธมิตรฯ และประชาชนที่มาร่วมชุมนุมจะทำให้คำทำนายเป็นจริง
วันนี้ (12 ก.ค.) เวลาประมาณ 19.40 น. อาจารย์ลักขณา ดิษยะศริน ตะเวทิกุล ผู้จัดการโรงเรียนนานาชาติ ดิ อเมริกัน สกูล ออฟ แบงค็อก ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า หลังจากที่ได้เคยอ่านคำทำนายของโหราธิบดีในสมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อครั้งที่แล้ว มีหลายคนอยากให้นำมาขยายความอีก วันนี้จึงถือโอกาสนำมาบอกเล่าให้ฟังอีกครั้ง
ทั้งนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เคยเล่าว่า ในสมัยรัชกาลที่ 1 โหราธิบดีได้รับมอบหมายให้ทำนายดวงเมืองกรุงรัตนโกสินทร์ จากวันเดือนปีในการลงเสาหลักเมือง โดยใช้เวลาถึง 3 วันในการตรวจดวงชะตา ซึ่งมีใจความถึง 12 ยุค ซึ่งคำทำนายสำหรับปัจจุบัน คือ ประเทศไทยจะถูกเรียกขานว่าเป็นถิ่นสกาว ผู้ที่สืบสันติวงศ์บริหารราชการแผ่นดินจะเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีบุญญาธิการสูงส่ง และจะนำพาให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง โดยประชาชนได้ชื่อว่าเป็นชาวศรีวิไล พวกมิจฉาทิฐิ และอธรรมจะถูกกำจัดให้หมดสิ้นไป ซึ่งถ้าไม่ตายด้วยคมหอกคมดาบก็จะเป็นโรคป่วยตาย เพราะเป็นยุคอารยะคนที่มีจิตใจที่เป็นธรรมเท่านั้นที่จะอาศัยอยู่ได้ และพวกที่ไม่มีศีลธรรมก็จะถูกลงโทษถึงตายไม่ทางใดทางหนึ่ง
ทั้งนี้ยังมีความหมายกำกับอีกว่า “คนเข็ญกลับรวย” คือจะมีการปรับภาษี และฐานะของประชาชนให้เป็นธรรมในยุคนี้ การให้ส่งเสริมการพาณิชย์ให้เจริญรุ่งเรือง
“คนสวยได้รับสุข” มีอรรถาธิบายว่า มีการปรับปรุงส่งเสริมศีลธรรมของคนในสังคม จากยุคสงคราม และการฉุดคร่าหญิงสาวจะหมดไป โดยจะมีการปราบโจรผู้ร้ายจนหมดสิ้น เพื่อความสุขของสังคม
“ประกอบยุคยืนชน” มีอรรถาธิบายว่า จะมีการปรับปรุงสาธารณูปโภคให้ทั่วถึงกัน การเจ็บป่วยจะน้อยลง การตายเมื่ออายุยังน้อยจะหมดไป ประชาชนจะมีศีลธรรม และอายุยืนในยุคนี้ โดยการศึกษาจะได้รับการพัฒนาทั้งอาชีวศึกษา มหาวิทยาลัย และความรู้ทุกประเภท
“พอกผลบริบูรณ์” มีอรรถาธิบายว่า จะมีการปรับปรุงด้านการเกษตร ให้มีสภาวะที่เหมาะกับดินฟ้าอากาศ พืชพันธุ์ในประเทศจะบริบูรณ์ดี
“ทรัพย์เพิ่มพูนไม่ขัด” มีอรรถาธิบายว่า จะมีการปรับปรุงรายได้ของข้าราชการ กรรมกร ลูกจ้างให้เป็นธรรมมากขึ้น และมีการกำหนดเงินตราที่แน่นอนเพื่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
“ธรรมนูญรัฐบูชา” มีอรรถาธิบายว่า ยุคนี้จะมีการปกครองที่เป็นศัตรูต่อระบอบเผด็จการ ประชาชนจะยึดเอาประชาชนธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นระบอบการปกครองของประเทศ
“กษัตริยานุสรน์” มีอรรถาธิบายว่า ประชาชนทุกคนจะให้ความเคารพพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ โดยที่ใครจะมาลบหลู่มิได้
“ภราดรดำรง” มีอรรถาธิบายว่า ประชาชนจะมีไมตรีจิตและเห็นใจซึ่งกันและกัน เสมือนเป็นญาติพี่น้องกัน
อาจารย์ลักขณา กล่าวอีกว่า คำทำนายดังกล่าวจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ จากความเสียสละของประชาชนที่มาชุมนุม และ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ที่มาคอยให้ความรู้ เพื่อให้บ้านเมืองเป็นสุข ยุติธรรม โดยทุกคนในที่นี้จะเป็นนักสู้ตัวจริงที่เป็นชาวศรีวิไล ซึ่งจะต้องขอบคุณและยกย่องคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่เป็นผู้ให้ความรู้กับเราตั้งแต่ต้น ถ้าไม่มีคนผู้นี้เราคงจะตาบอด และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทรัพย์สมบัติของประเทศบ้าง
“เมืองไทยไม่สิ้นคนดีถึงได้มีคุณสนธิมาเกิด ถ้าไม่มีคนผู้นี้เราคงตาบอด และเมื่อเราได้ข้อมูลจากท่าน ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับทรัพย์สมบัติของประเทศ จึงเป็นเรื่องดีทำให้เราเข้าใจและหันมาปกป้องชาติบ้านเมือง” อาจารย์ลักขณา กล่าว