รองเลขาฯ ปชป. “ถาวร เสนเนียม” เตือน หมัก คิดให้ดีหากอนุมัติให้เปิด PTV นอกจากบ้านเมืองจะวุ่นวายแล้วอาจขัดต่อกฎหมายได้ – ยันพรรคไม่เคย จัดตั้งม็อบไล่ “เป็ดเหลิม” เย้ย “จตุพร” ถูกพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวจี้ดำ ทำอะไรไม่ถูกเลยโบ้ยมาให้คนอื่น
วานนี้ (5 ก.ค.) เว็บไซด์มติชนออนไลน์ นำเสนอข่าวคำให้สัมภาษณ์ของ นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน ระบุว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นกบฏที่ผุดการเมืองยุคใหม่ขึ้นมา พร้อมถามพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะเอาด้วยกับพันธมิตรฯ หรือไม่ ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการกล่าวหาแบบเหมารวม เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมมาปิดล้อมขับไล่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่จ.กระบี่ ที่นายจตุพรก็โยนบาปมาให้พรรคประชาธิปัตย์อีกเช่นกัน ดังนั้นเรื่องนี้ ตนจึงมองว่า เมื่อพันธมิตรฯได้เคลื่อนไหวจี้ใจดำเอาความไม่ดีของรัฐบาลออกมาเปิดเผยให้ประชาชนทราบ รัฐบาลไม่รู้ว่าจะโยนสิ่งเหล่านี้ให้ใครจึงโยนมาให้พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคคู่แข่ง แต่ตนก็เชื่อประชาชนซึ่งเป็นผู้บริโภคข่าวสารจะเป็นผู้ตัดสินเองว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ตนเชื่อว่าสำหรับรัฐบาลแล้วถึงแม้จะมีการชี้แจงข่าว เช้า-สาย-บ่าย-เย็น แถมวันอาทิตย์อีก 1 ชั่วโมง ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเป็นบวกกับรัฐบาลเลย ถึงแม้จะเพิ่มช่องทางสื่อของรัฐอีก 10 ช่องก็ไม่เป็นประโยชน์ถ้ารัฐบาลยังไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการทุจริต มีผลประโยชน์ทับซ้อน ปกป้องและยังเป็นนอมินีให้คนบางคน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเหตุการณ์ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ปิดล้อมร.ต.อ.เฉลิม เกิดขึ้นที่ภาคอื่นซึ่งไม่ใช่ภาคใต้ คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะโดนมองว่าอยู่เบื้องหลังหรือไม่ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แน่นอนก็ต้องเหมารวมทั้งนั้น เพราะในหลายเรื่องไม่ว่าเหตุเกิดที่ไหนที่พันธมิตรเคลื่อนไหว ก็ต้องโยนว่าพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเกี่ยวข้องไม่รู้จะโทษใคร เพราะรัฐบาลไม่ยอมเอากระจกมาส่องดูตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่ จ.กระบี่นั้น ตนก็ไม่เห็นด้วย ความจริงพันธมิตรฯประท้วงได้ แต่ก็ต้องเปิดโอกาสให้รัฐบาลประชุมเพื่อทำงาน
นายถาวร ยังได้กล่าวถึงคำทำนายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุก่อนหน้านี้ ว่า สถานการณ์การเมืองหลังวันที่ 2 กรกฎาคม จะดีขึ้นว่า เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นก็คือ ศาลสั่งห้ามเศรษฐีบางคนไม่ให้ออกไปเที่ยวเตร่นอกประเทศ แต่ตนไม่เชื่อคำทำนายของพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งหมด เพราะในเมื่อนักการเมืองบางคนยังมีอำนาจครองเมืองอยู่บ้านเมืองก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูวันที่ 8 ก.ค.นี้ ซึ่งศาลจะนัดตัดสินคดีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน หลังจากนั้นวันที่ 31 ก.ค.ก็เป็นคดีของนายบรรพต ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร หลังจากนั้นก็ต้องดูการพิจารณาของอัยการที่รับคดีของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) เอาไว้ ว่าจะพิจารณาไปในทิศทางใด เป็นประโยชน์กับประเทศชาติหรือไม่
ส่วนกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน และคณะทำงานติดตามวิเคราะห์การชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุว่า จะแถลงข่าวเปิดตัว “สถานีโทรทัศน์พีทีวีภาคพิเศษ” ขึ้นมาอีกครั้ง ในวันที่ 6 ก.ค. ว่า ต้องดูข้อกฎหมายว่า เปิดโอกาสให้ทำได้หรือไม่ แต่ตนก็เชื่อว่าสื่อที่มีต้นกำเนิดมาจากพรรคการเมือง ส่วนมากเป็นสื่อที่ไม่เป็นกลางในการนำเสนอข่าว หรือวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้ สื่อพีทีวีภาคพิเศษนี้พอจะมองออกว่า เป็นสื่อที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือของกลุ่มหรือของพรรคการเมือง ตนคงจะขอให้ประชาชนใช้วิจารณญานในการดูข่าวสาร ที่นำเสนอโดยพีทีวี ส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐจะอนุญาติให้เปิดพีทีวีได้หรือไม่ก็ต้องดูข้อกฎหมายให้ดี เดี๋ยวจะโดนขึ้นศาลปกครองหรือถูกดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การที่นายจตุพรระบุว่า จะไปขอให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี อนุญาติให้พีทีวีออกอากาศได้นั้น นายถาวรมีความคิดเห็นอย่างไร นายถาวรกล่าวว่า ถ้านายสมัครจะใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่พิจารณาอนุญาติก็ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะคดีของนายสมัครที่ติดตัวมีเยอะอยู่แล้ว ถ้าหากเป็นคำสั่งทางการปกครองเป็นการอนุญาติที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมือง เรื่องดังกล่าวก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไปอีก จึงอยากเตือนนายสมัคร เอาไว้ด้วยว่า หากจะทำสิ่งใดต้องคิดให้ดี ซึ่งตนเชื่อว่าหากนายสมัครอนุญาติ ให้ดำเนินการจริงก็จะยิ่งกลายเป็นการเพิ่มดีกรีทางการเมืองให้ร้อนขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลให้บ้านเมืองเกิดความแตกแยกขึ้นอีก