รมว.ต่างประเทศ “นพดล ปัทมะ” เดินสายแก้ข้อกล่าวหา “เขาพระวิหาร” ผ่านฟรีที่วี เริ่มตั้งแต่ช่อง 3 เอ็นบีที และ โมเดิร์นไนน์ทีวี ฉายหนังชุดตอนแถลงข่าว ยันไม่เคยทำผิด ไม่เคยขายชาติ ตรงกันข้ามที่ทำทั้งหมดเป็นการปกป้องอธิปไตยของชาติอีกต่างหาก- ป้อง “แม้ว” ไม่เคยไปลงทุนบ่อน้ำมันกับกัมพูชา
วานนี้ (10 ก.ค.) หลังจาก นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว ได้เดินสายให้สัมภาษณ์รายการทางฟรีทีวีช่องต่างๆ เริ่มตั้งแต่ช่อง 3 ช่องเอ็นบีที และรายการตาสว่างทางโมเดิร์นไนน์ทีวี
ในรายการ ตาสว่าง ดำเนินรายการโดย นายสัญญา คุณากร นายนพดล กล่าวว่า สาเหตุที่ตนลาออกก็เนื่องจากตนเห็นว่าบ้านเมืองเราตอนนี้มีปัญหาเยอะแล้ว หากตนเองจะต้องเป็นสาเหตุหนึ่งแห่งความวุ่นวายอีก ก็ขอลาออกดีกว่า เพื่อรัฐบาลจะได้เอาเวลาไปแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ดีกว่าต้องมาแก้ปัญหาของตน
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ตนและกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ทำอะไรผิดเลย การไปดำเนินการเรื่องปราสาทเขาพระวิหารถือเป็นเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศทำถูก และรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติไว้อีกต่างหาก เพราะเมื่อปีที่แล้วที่กัมพูชานำเสนอขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร กัมพูชาได้เสนอการขึ้นทะเบียนตัวปราสาทโดยรวมถึงพื้นที่ทับซ้อนที่ไทยอ้างสิทธิ์ด้วย กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ไปเจรจา จนกัมพูชายอมขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทโดยไม่นำพื้นที่ทับซ้อนที่ไทยอ้างสิทธิขึ้นทะเบียนรวมไปด้วย ซึ่งจนถึงตอนนี้ถึงแม้ปราสาทพระวิหารจะขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของกัมพูชาไปแล้ว แต่ไทยก็ไม่ได้สูญเสียดินแดนไปเลยแม้แต่ตารางเซ็นติเมตรเดียว ดังนั้นสิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศทำ ไม่ได้เป็นการขายชาติ แต่เป็นการรักษาชาติและรักษาอธิปไตยของชาติเอาไว้ต่างหาก
อีกทั้งตนยังขอชี้แจงว่า การพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลกในครั้งนี้ ไม่ได้นำแถลงการณ์ร่วมที่ตนเคยลงนามไปใช้เลย เพราะศาลปกครองสั่งไม่ให้ใช้แถลงการณ์ร่วมดังกล่าว แต่กัมพูชาก็ยังขึ้นทะเบียนได้อยู่ดี เพราะตัวปราสาทพระวิหารมีคุณค่าในตัวของมันเอง จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
สรุปว่า การที่ตนไปร่วมประชุมกับคณะกรรมการมรดกโลกที่เมืองควิเบก ในครั้งนี้ ตนไปแสดงจุดยืนแล้วว่าไทยไม่ยอมรับการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร ไม่ยอมรับในแผนที่ หรือเอกสารใดๆ ที่กัมพูชาเสนอ และสงวนสิทธิ์ที่จะทวงคืนเขาพระวิหารในอนาคตเอาไว้ ดังนั้น ในอนาคต กัมพูชาก็จะอ้างว่าไทยยินยอมเรื่องเขาพระวิหารไม่ได้เลย และไทยก็จะไม่ตกอยู่ในเงื่อนไขของกฎหมายปิดปาก
ต่อคำถามว่า ต่อจากนี้การบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทเขาพระวิหาร ที่จะมี 7 ประเทศร่วมบริหารจัดการนั้น จะทำให้ไทยเสียดินแดนหรือไม่ นายนพดลตอบว่า 7 ประเทศจะเข้ามาบริหารได้แค่เพียงตัวปราสาทเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนของไทยเลย
ผู้ดำเนินรายการถามว่า เมื่อการขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทโดยที่ไม่มีพื้นที่โดยรอบแล้ว จะเป็นมรดกโลกที่เล็กที่สุดในโลกหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ตนไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ เอาเป็นว่า เขาให้ขึ้นแค่ตัวปราสาทมันจะใหญ่หรือจะเล็ก ตนว่าไม่ต้องสนใจหรอก
ส่วนข้อกล่าวหาว่า ตนไปทำการเรื่องเขาพระวิหารเพื่อประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเอาเรื่องดังกล่าวไปแลกกับสัมปทานบ่อน้ำมันในกัมพูชา นายนพดล ประนมมือและสาบานว่า ตนไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหาเลย หากตนทำจริงขอให้มีอันเป็นไป
อีกทั้งยังยืนยันได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ได้ไปดำเนินการติดต่อเรื่องสัมปทานบ่อน้ำมันในกัมพูชาด้วย เพราะการจะลงทุนบ่อน้ำมันต้องใช้เงินลงทุนเป็นหมื่นล้าน ต้องมีหลักฐานอะไรบ้าง และถ้ามีหลักฐานจริงๆ ป่านนี้ตนถูกฝ่ายค้านนำมาโจมตีตั้งแต่ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไปแล้ว ดังนั้นเรื่องดังกล่าวจึงไม่มีมูลความจริงเลย