ผู้จัดการออนไลน์ – สดศรีให้สัมภาษณ์ช่อง 9 ยืนยันมติให้ใบแดง ‘ยุทธ ตู้เย็น’ วันนี้คือ 3:1:1 ไม่ใช่ 3:2 หรือ 3:1 เพราะตนอยากให้มีการรวมคดีของนายยงยุทธสองคดีเข้าด้วยกันและอยากให้สอบพยานเพิ่มเติม เสียก่อน ระบุกกต.ทำงานลำบากเพราะอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างกลุ่มอำนาจเก่า-อำนาจใหม่
วันนี้ (26 ก.พ.) ในรายการตาสว่างที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ได้มีการเชิญ นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้งด้านกิจกรรมพรรคการเมืองเพื่อสอบถามถึงกรณีที่วันนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติส่วนใหญ่ 3 ต่อ 2 ให้ส่งความเห็นไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.แบบสัดส่วนพรรคพลังประชาชน
เมื่อผู้ดำเนินรายการคือนายสัญญา คุณากร สอบถามว่ามีความลำบากใจหรือไม่ในการตัดสินดังกล่าว นางสดศรีตอบว่า รู้สึกลำบากใจเนื่องจาก กกต.อยู่ระหว่างความขัดแย้งของคนสองกลุ่มคือกลุ่มอำนาจเก่าและกลุ่มอำนาจใหม่ อย่างไรก็ตามแรงกดดันนั้นไม่มีผลต่อการทำงานของ กกต.
“แรงกดดันทางสังคมมีมาเป็นระยะๆ โดยเฉพาะกับกรณีที่คนที่กกต.ตัดสินเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งในบ้านเมือง อย่างกรณีของท่านยงยุทธ อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าถ้าเราไม่เป็นกลาง ปัดไปตามกระแส กกต.ก็จะทำงานไม่ได้” กกต.ด้านกิจกรรมพรรคการเมืองกล่าว
ต่อคำถามที่ว่าการที่ กกต.ต้องให้ใบแดงนายยงยุทธ หลังจากที่ประกาศรองรับผลการเลือกตั้งและนายยงยุทธขึ้นดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วนั้นเป็นตามข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นางสดศรีตอบว่า เป็นไปตามเงื่อนเวลาที่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ซึ่งในรัฐธรรมนูญกำหนดว่าหลังการเลือกตั้งหากไม่มีการร้องเรียน กกต.ก็ต้องประกาศผลการเลือกตั้งของ ส.ส.ผู้นั้นภายใน 7 วัน แต่หากมีการร้องเรียน กกต.ก็ต้องสอบสวนให้เสร็จภายใน 30 วัน เพราะถ้า กกต.ไม่ประกาศรับรอง ส.ส.ให้ครบร้อยละ 95 ก็จะเปิดสภาไม่ได้ และ กกต.ก็อาจจะถูกข้อหาละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ได้ เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกรอบเวลาของรัฐธรรมนูญ
สำหรับ กรณีผลการตัดสินของกกต.ในวันนี้ที่สื่อมวลชนสาขาต่างๆ เผยแพร่ระบุว่า กกต.มีมติ 3:2 ให้ใบแดงเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายยงยุทธนั้น นางสดศรีได้แย้งว่าจริงๆ แล้วมติไม่ใช่ 3:2 หรือ 3:1 แต่เป็น 3:1:1 เนื่องจากสามเสียงให้ใบแดง หนึ่งเสียงให้ใบขาว แต่ตนเองต้องการไม่ลงคะแนนเพราะต้องการให้ กกต.สอบสวนเพิ่มก่อนลงมติ
“กกต.ท่านอื่นคิดว่าสอบสวนเสร็จแล้ว ส่วนดิฉันคิดว่ายังไม่เสร็จ ตัวเองเห็นว่ายังไม่ควรให้ทั้งใบขาว หรือ ใบแดง แต่ต้องมีการสอบสวนเพิ่ม แต่ กกต.ทุกท่านก็มีดุลยพินิจซึ่งไม่ผูกพันอะไรกัน เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่เสียง 3:1:1 ก็ถือว่าเป็นใบแดง เพิกถอนสิทธิทางการเมืองได้แล้ว” นางสดศรีกล่าวพร้อมอธิบายด้วยวา การที่ตนต้องการให้สอบสวนเพิ่มเติมเนื่องจากอยากให้มีการรวมคดีเลือกตั้งที่เกี่ยวกับนายยงยุทธเข้าด้วยกัน คือ กรณีการทุจริตการเลือกตั้งที่มีตัดสินไปในวันนี้และกรณีที่นายยงยุทธทำการปราศรัยหมิ่นประมาท ซึ่ง พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกระทรวงกลาโหม และหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ดำเนินการร้องเรียนต่อ กกต.เอาไว้ และกรณี พล.อ.สมเจตน์ กกต.ใกล้จะพิจารณาเสร็จแล้ว นอกจากนี้ตนอยากให้มีการสอบพยานเพิ่มเติมด้วย
เมื่อถามว่านับจากนี้กระบวนการจะเป็นอย่างไร และ เรื่องใบแดงนายยงยุทธนี้จะมีสิทธิ์โยงไปถึงการยุบพรรคพลังประชาชนด้วยหรือไม่เนื่องจากนายยงยุทธมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กกต.ด้านกิจกรรมพรรคการเมืองให้คำตอบว่า กรณีนี้ กกต.จะทำหน้าที่เหมือนอัยการคือส่งความเห็นไปให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณา ซึ่งถ้าศาลมีพิจารณาเห็นตามกกต. ขั้นตอนต่อไป กกต.ก็จะต้องมาพิจารณาว่า กรณีนายยงยุทธนั้นมีความเกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชาชนด้วยหรือไม่
ในตอนท้ายนางสดศรีกล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีการสรุปคดียุบพรรคของพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย นั้น กกต.ก็ใกล้จะพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว