“สนธิ” เปรียบเทียบตระกูล “หมัก” บรรพบุรุษเคยรับใช้เบื้องพระยุคลบาทจนเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย คุณตาเป็นจิตรกรเอกวาดภาพ “พระนเรศวร” ตัดหัว “พระยาละแวก” แต่มาวันนี้ “หลาน” กลับยกดินแดนให้เขมร ชี้ยศถาบรรดาศักดิ์-ชาติตระกูลไม่สำคัญถ้าจิตใจไม่รักชาติ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วันนี้ (9 ก.ค.) ที่เวทีสะพานมัฆวานฯ เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีโดยเริ่มกล่าวให้กำลังใจพี่น้องที่มาร่วมชุมนุมว่า ความรักชาติให้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ ไม่ต้องอายไม่ต้องไปปิดบัง
จากนั้น นายสนธิ ได้กล่าวว่า ตัวเองถูกสอนให้เคารพผู้ใหญ่ แต่แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นานก็ไม่มีความหมาย และว่าในสมัยก่อนถ้าพ่อแม่ยิ่งใหญ่วันนี้เราต้องทำให้ยิ่งใหญ่กว่า แต่ยศฐานบรรดาศักดิ์ไม่สำคัญเท่ากับใจที่ยิ่งใหญ่
นายสนธิ ได้เปรียบเทียบความเป็นมาระหว่างตระกูลสองตระกูล และเปรียบเทียบ นายสมัคร สุนทรเวช กับตัวเองว่า ที่ผ่านมานายสมัครชอบพูดว่าชาติตระกูลมีความจงรักภักดีตลอดเวลา เริ่มจากคุณตาของ นายสมัครที่เป็นพระยาอนุศาสตร์ฯ (จิน จิตรกร) ซึ่งเคยเป็นจิตรกรเอกในสมัยรัชกาลที่ 6 เคยวาดภาพสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่วัดสุวรรณดาราม
ส่วนปู่ของตนเองชื่อ นายหงษ์เม้ง แช่ลิ้ม ล่องเรือสำเภามาจากเกาะไหหลำ มาถึงกรุงเทพฯแล้วขึ้นรถไฟนั่งเกวียนไปที่ตำบลทุ่งหลวง อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย แต่งงานกับย่าทองที่เป็นลูกกำนัน แต่มีข้อแม้ให้เปลี่ยนแซ่ จึงมาเป็นลิ้มทองกุล
นายสนธิ ย้อนอดีตให้ฟังอีกว่า คุณลุงของนายสมัครเป็นแพทย์ประจำพระองค์ในรัชกาลที่ 6 และชักนำให้คุณพ่อของนายสมัครเข้ารับราชการ ส่วนลุงของตนเองชื่อต่วน ลิ้มทองกุล มีลูก 5 คน คนหนึ่งเป็นแพทย์ที่ถวายการรักษาสมเด็จพระสังฆราช อีกคนเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯที่ไม่ยอมสยบต่อ นายเนวิน ชิดชอบ และอีกคนเป็นแพทย์รับราชการที่กระทรวงสาธารณสุข ที่ไม่ยอมสยบต่อสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
นายสนธิ กล่าวว่า พ่อของนายสมัครรับราชการเป็นพระยาเช่นเดียวกัน และในช่วงอายุครบ 7 รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้เข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิด ส่วนพ่อของตนเองถูกส่งไปเรียนโรงเรียนนายร้อยที่เมืองจีนไปรบในสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อสงครามสงบก็กลับเมืองไทย
“คุณตาของนายสมัครวาดภาพสมเด็จพระนเรศวรที่มีภาพหนึ่งทรงตัดหัวพระยาละแลกของเขมร แต่วันนี้หลานของนายจัน เป็นคนที่ยกแผ่นดินไทยให้เขมร” นายสนธิ ระบุ และว่า ลุง ตาของนายสมัครรับราชการจนเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ถ้าวันนี้รู้ว่าหลานชายพูดว่าปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรแล้วจะรู้สึกอย่างไร
“มาวันนี้ตาลุงพ่อของทั้งสองฝั่ง ถ้ามองดูหลานและลูกจะรู้สึกอย่างไร” นายสนธิ กล่าวเปรียบเทียบ อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่ามันไม่สำคัญว่าตระกูลที่ได้รับพระราชทานอย่างไร คนที่นั่งอยู่ที่นี่ ก็ไม่ได้ต่างจากเจ๊กแซ่ลิ้มคนนี้ ยศถาบรรดาศักดิ หรือเสื้อผ้าอาภรณ์ ก็ไม่มีความหมายถ้าใจไม่รักชาติ มาอ้างชาติตระกูลให้คนเคียดแค้นทำไม
นายสนธิ กล่าวว่า ทุกคนมาที่นี่เพื่อทำภารกิจศักดิ์สิทธิ์ และมีคนที่นี่และคนที่ดูเอเอสทีวีที่เคียดแค้น ขณะที่ในหลวงก็ทรงเจ็บช้ำ แต่ทรงแสดงออกไม่ได้ รัชกาลที่ 5 ก็ทรงช้ำพระทัยที่ต้องเสียดินแดน ถึงขั้นไม่ยอมเสวยและทรงเขียนลาสวรรคต
นายสนธิ กล่าวว่า วันนี้ตนเองตั้งใจใส่เสื้อ “เราจะสู้เพื่อในหลวง” ให้รู้ว่าเราทุกคนในที่นี้จะทำทุกอย่างเพื่อพระองค์ท่าน จะมอบกายถวายชีวิตเพื่อพระองค์ท่านตลอดไป
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเสียดินแดนอีกครั้งในยุคนี้ ในยุคที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผู้บัญชาการทหารบก ในยุคที่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ยกเว้นผู้บัญชาการทหารอากาศ ในยุคที่เตรียมทหารรุ่น 10 เป็นเลขาธิการ สมช. เป็นเจ้ากรมแผ่นที่ทหาร ซึ่งเป็นลูกน้องของ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ และ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ในยุคที่นายสมัครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายนพดล ปัทมะ ที่ได้รับทุนหลวง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ครม.ทั้ง 34 คน คนพวกนี้ทำให้ในหลวงทรงช้ำพระทัย
คนพวกนี้ทำอะไรในวันที่ 8 ก.ค.ที่ปราสาทพระวิหารตกเป็นของเขมร คนพวกนี้หลงหัวโขน แต่ในฐานะที่ตนเองเป็นนักประวัติศาสตร์ ต่อไปคนพวกนี้ก็จะถุกก่นด่าไปตลอด