“สมศักดิ์” ย้อนประวัติเศาสตร์ถามหาความรักชาติจากรัฐบาล “หมัก” ย้ำคำพิพากษาของศาลกรณี “ยุทธ ตู้เย็น” ต้องผูกพันไปถึงการยุบพรรคพลังประชาชนในไม่ช้า ระบุ แถลงการณ์ไทย-เขมร ขัดมาตรา 190 ครม.ทั้งหมดต้องติดคุก รวมถึง ส.ส.ทั้งหมดที่ยกมือไว้วางใจ “นพดล” ด้วย
เมื่อเวลา 22.30 น.วันนี้ (8 ก.ค.) นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานฯ โดยกล่าวว่ารัฐบาลใดที่ไม่ปฏิบัติตามคำถวายสัตย์ปฏิญานตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัฐบาลนั้นคือรัฐบาลเถื่อน โดยรัฐบาลในอดีตที่เขาดูแลรักอธิปไตยของประเทศ เขามีพฤติกรรมที่ดีกว่านี้
หลังจากนั้น นายสมศักดิ์ได้นำเอาหนังสือพิมพ์ “ประชาธิปไตย” ที่ตีพิมพ์ในช่วงปี 2505 กรณีเขาพระวิหาร มาอ่านประกอบ
“นี่คือข้อมูลจาก นสพ.ประชาธิปไตย เมื่อ มิ.ย.2505 พาดหัวว่ารัฐบาลยุคนั้นออกคำสั่ง ถ้าเขมรเข้ามายิงเลย หรืออย่างพาดหัวอีกข่าวว่า ทหารไทยพร้อมแล้วที่ชายแดน ไม่ให้ใครเข้ามา และไม่ห้ามเดินขบวนเรื่องเขาพระวิหาร แสดงว่ารัฐบาลสมัยนั้นให้ความสำคัญ แต่รัฐบาลหุ่นเชิดนี้ ไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติของรัฐบาลที่ผ่านมา เราเดินขบวนก็เอาสิ่งกีดขวางต่างๆ มาขวาง เอาตำรวจมากั้น ไม่ทำงานดูแลสิทธิของประชาชน ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลที่เรามาไล่รัฐบาล ทั้งที่คนเหล่านี้กินเงินเดือนภาษีประชาชน และยังยกอธิปไตยของประเทศไทยให้กัมพูชา ทำให้เราสูญเสียอำนาจอธิปไตย ตอนนั้คนออกมาเดินเพราะขบวนหวงแหนอธิปไตย แต่รัฐบาลนี้มันไม่ยอม หาว่าเราสร้างความเดือดร้อนให้ครูนักเรียน ทั้งที่เรื่องชาติบ้านเมืองมันสำคัญกว่า”
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษาให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช และคำพิพากษานี้ย่อมผูกพันองค์กรรัฐทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล รัฐสภา ดังนั้น พรรคพลังประชาชนต้องถูกยุบ และนายยงยุทธต้องติดคุกด้วย ซึ่งตนเคยพูดไว้ตลอดในเรื่องคุณธรรมว่า ไม่มีเงินก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรีแต่เข้ามาขายชาติ ดังนั้นกำนันชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ ของเรานั้น ขอบอกว่ายิ่งใหญ่กว่านายสมัครเสียอีก
ขณะเดียวกัน เราทุกคนต้องระวังรัฐบาลนี้ยุบสภาหนี ฉะนั้นบ้านพวกนี้อยู่ไหน เราต้องดูแลอย่างให้พวกนี้ออกไปนอกประเทศ เพราะทุกคนต้องติดคุก แม้นายสมัครบอกว่ารัฐธรรมนูญนี้ไม่ดีต้องยกเลิก แต่มันก็เหมือนกับดักสัตว์ แสดงว่า ครม.สมัครยอมรับว่าเป็น ครม.สัตว์ เพราะมีสารพัดชนิดที่ติดกับดักนี้แล้ว และมั่นใจว่านายนพดล ปัทมะ และรัฐมนตรีทั้งคณะ รวมทั้ง ส.ส.รัฐบาลจะต้องติดคุกทุกคน รวม 313 คนที่ต้องถูกดำเนินการ
ทั้งนี้ ระหว่างการปราศรัย นายสมศักดิ์กล่าวถึงรายชื่อคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ที่ต้องถูกดำเนินการทางกฏหมาย ไล่ตั้งแต่นายสมัคร สุนทรเวช นายมิ่งขวัญแสงสุวรรณ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ไปถึงรัฐมนตรีคนอื่นๆ โดยให้ประชาชนได้ตะโกนคำว่า “ติดคุก”ต่อท้ายชื่อรัฐมนตรีแต่ละคนด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สื่อมวลชนวันนี้ต้องดูเอเอสทีวี เพราะมีหลายสื่อที่ถูกรัฐบาลนำไปใช้เป็นเครื่องมือ อาทิ “พีทีวี”ที่กลับมาเปิดอีกครั้ง ส่วนหนังสือพิมพ์วานนี้ที่เราไปสำนักงานตำรวจฯ บางสื่อบอกว่ากลุ่มพันธมิตรมีคนไปร่วมชุนนุมแค่ 500 คน บางสื่อบอก 5,000 คน ไทยโพสต์บอกหลายหมื่คน ขณะที่นายเซียไทยรัฐก็วาดการ์ตูนล้อเลียนแกนนำว่าเป็นพันธพาล นั้นเป็นเรื่องไม่จริง ถ้าดูจากภาพที่ถ่ายทอดออกไปย่อมพิสูจน์ได้
“ขอบอกกับทุกสื่อว่าจะเขียนอะไรบิดเบือนก็อย่าบิดเบือนมากยังพอรับได้ แต่ไม่ใช่ไปหลายหมื่น กลับมาบอกว่าไม่กี่พัน ซึ่งเรื่องนี้จะสร้างความบิดเบือนด้านข้อมูลแก่ประชาชนในต่างจังหวัด ดังนั้น ถ้าเราเป่านกหวีดเมื่อไหร่ก็จะรู้ว่ากลุ่มพันธมิตรมีแก่คนกันแน่ ตอนนี้เราสบายแล้ว พวกนี้หนีไม่รอด มท.1 จะหนีไปจังหวัดไหนได้ หรือคิดจะไปบุรีรัมย์ ก็ลองไปดู เที่ยวนี้ไปไหนไม่ได้แล้ว”
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ดังนั้นขอให้พี่น้องมั่นใจว่า อีกไม่นานแล้ว แต่ขณะนี้ขอให้เราพร้อมเพียงกัน เราเป็นขบวนการพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ ในการสร้างประวัติศาสตร์ และขอย้ำที่ท่านทูตขึ้นมากล่าวในช่วงค่ำว่า การเลือกตั้งโดยการซื้อเสียง คือเผด็จการในรัฐสภา อย่าถามว่าผู้บริหารประเทศจะมาอย่างไรไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือคนคนนั้นจะต้องทำเพื่อประชาชนเพื่อประเทศ ดังนันการเมืองใหม่ของพวกเราต้องเป็นการเมืองที่ใสสะอาด
“การเมืองใหม่ต้องมีผู้หญิงเป็นส่วนร่วม ไม่ใช่มาเป็นช้างเท้าหลัง เราไม่คิดแตกแยกชายหญิง นี่คือความเสมอภาค เราเคารพความเป็นมนุษย์ของทุกคน”
ก่อนจบการปราศรับ นายสมศักดิ์ได้ขอมติจากกลุ่มผู้ชุมนุมว่ารัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวชควรจะบริหารบ้านเมืองต่อไปหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีผู้ชุมนุมคนใดให้การสนับสนุน แต่ทุกคนต้องการให้รัฐบาลชุดนี้ไม่ว่า ครม. และ ส.ส.ต้องติดคุก