“พิภพ” จวกตำรวจไทยขาดมาตรฐานทางจริยธรรมแม้จะนับถือศาสนาพุทธ ยกระดับตำรวจสหรัฐฯ เปรียบเทียบ หนุนการเมืองใหม่ต้องเอาเรื่องสัจจะเป็นเรื่องใหญ่ คนพูดปดต้องเอาออกทันที พร้อมย้ำการเมืองใหม่จะเกิดขึ้นได้ ต้องพัฒนาคนและระบบไปพร้อมกัน และยังยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
วันนี้ (6 ก.ค.) เวลาประมาณ 21.20 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาลว่า ก่อนที่เราจะไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.) ขอพูดเรื่องตำรวจที่อเมริกาต่อเนื่องจากเมื่อวานซึ่งเป็นเรื่องของระบบภาษี เป็นวิธีที่ใช้จัดการกับคนรวยด้วยการคอร์รับชั่นอยู่แล้ว ตนมีโอกาสได้ไปอเมริกาพบว่าคนที่อยู่ที่นั่นเปลี่ยนไป โดยเฉพาะคนไทยที่เป็นตำรวจ ก็เลยถามว่ามันแตกต่างกันตรงไหน เขาก็เล่าว่า สหรัฐอเมริกาเขามีกฏหมายที่เคร่งครัด และมาตรฐานสูง และสาเหตุที่จะทำให้ตำรวจออกได้ นอกเหนือจากการคอร์รัปชั่นที่ต้องออกอยู่แล้ว คือ คำสัตย์ เพราะถ้าพูดโกหกเมื่อไหร่ถูกไล่ออกทันที
“ผมฟังแล้วก็นึกถึงประเทศไทย ทั้งๆ ที่เรานับถือศาสนาพุทธ ถือศีล 5 ซึ่งมีข้อที่พูดถึงการห้ามพูดปดอยู่ แต่ทำไมเราถึงไม่เคร่งครัด ซึ่งถ้าเคร่งครัดเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้หมด และจะไม่มีรัฐมนตรี นักการเมืองที่โกหกอย่าง สมัคร เฉลิม และนพดล ซึ่งสิ่งเหล่านี้การเมืองใหม่ต้องหาคำตอบให้ได้ว่า มาตรฐานทางจริยธรรม ศีลธรรมต้องสูงขึ้น โดยเฉพาะชนชั้นปกครอง ทั้งตำรวจ ทหาร ดังนั้น การเมืองใหม่ต้องเอาเรื่องสัจจะเป็นเรื่องใหญ่ คนพูดปดต้องเอาออกทันที
อยากให้ตำรวจไปหาคำตอบว่า ทำไมตำรวจสหรัฐฯ จึงปฏิบัติตัวดีกว่าตำรวจไทย ซึ่งวันพรุ่งนี้ที่เราจะไป สตช. เราไม่ได้ไปด่าทอ ตัดพ้อ หรือต่อว่า เพราะเรารู้ว่ามีการซื้อตำแหน่งสำหรับตำรวจระดับสูง ส่วนชั้นผู้น้อยไม่สามารถเติบโตได้ จึงต้องรีดไถประชาชนต่อไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผิดกับคนอเมริกันที่เป็นตำรวจดี ซึ่งผมเองไม่เชื่อว่าพื้นฐานของคนไทยกับคนอเมริกันจะแตกต่างกันมากนัก ฉะนั้น การเมืองใหม่ ต้องยกระดับ ค่าแรงค่าครองชีพ ให้ตำรวจมีเงินเช่าแฟลตได้ ซื้อเครื่องครัว ซื้อทีวีได้ หมายความว่า ชีวิตมาตรฐานขั่นต่ำต้องทำได้ทันที ซึ่งการเมืองใหม่ต้องตอบคำถามว่าเงินที่จะมาใช้ส่วนนี้ไปอยู่ที่ไหน” นายพิภพกล่าว
นอกจากนั้น ระบบภาษีต้องจัดการให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม เพราะทุกอย่างจะดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องยึดทรัพย์ แต่ใช้การเมืองใหม่ด้วยระบบภาษี ยกตัวอย่างในต่างประเทศ เขาไม่มีป้ายโฆษณา เพราะเก็บภาษีสูงๆ และกำหนดชัดเจนว่าติดที่ไหนได้บ้าง การสร้างบ้านทำเป็นโทนสีเดียวกัน ซึ่งไม่เหมือนบ้านเราที่รกไปหมด ซึ่งความสวยงามนี่เองก็เป็นการเมืองใหม่ได้ ดังนั้น เราต้องสร้าง เพราะถ้าเราจะเห็นบ้านเมืองสวยงามเราต้องสนใจเรื่องความงามด้วย เห็นได้จากบรรพบุรุษของเรา ที่สนใจในเรื่องนี้มาก ที่วัดหน้าพระเมรุ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งเป็นวัดเดียวที่ไม่ถูกพม่าเผา มีความสวยมาก แต่มีข้อเสียคือ พระไม่เข้าใจความงานของมัน เอาเต็นท์ไปกางหน้าโบสถ์ อย่างที่โสเครติส นักปรัญญากรีกกล่าวไว้ว่า ความดี ความงาม ความจริง เป็นพื้นฐานของสังคม ถ้าไม่มีก็จะไปสังคมที่ดีไม่ได้
นายพิภพ กล่าวว่า ตอนนี้มีการถกเถียงกันเรื่องการเมืองใหม่ และโครงสร้างของสังคมว่า คนกับระบบอันไหนดีกว่า การสร้างระบบดีๆ แล้วเอาคนเข้ามาอยู่ในระบบ คนก็จะดีอย่างเช่นรัฐธรรมนูญปี 2540 ทำเรื่องนี้ แต่พิสูจน์ออกมาแล้วก็ยังไม่ดีพอ เพราะยังได้นักการเมืองเลวเข้ามาอีก ฉะนั้น ในเรื่องการเมืองใหม่ต้องทำเรื่องคนด้วย ไม่ใช่ระบบเท่านั้นที่ต้องทำให้ดี ซึ่งสิ่งแรกต้องทำสำหรับการเมืองใหม่ คือ ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปศาสนาทื่ต้องเป็นหลักยึดตามวินัย พระต้องไม่ผิดศีลถึงแม้จะน้อยก็ไม่เป็นไร ซึ่งในอดีตสมัยรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 2 จับพระศึกเยอะมาก เพราะพระผิดศีลเยอะ ดังนั้น สังคมต้องเคร่งครัดให้ผู้นำเป็นผู้นำที่แท้จริง
“ในส่วนของการศึกษาต้องปฏิรูปการเมืองใหม่ในอนาคต ต้องไม่มีผู้นำที่มีบุคลิกเอาเปรียบอย่าง ทักษิณ เราไม่ต้องการนักการเมืองอย่าง สมัคร นพดล หรือ เฉลิม ซึ่งการเมืองใหม่ต้องหาคำตอบเหล่านี้ให้ได้จึงจะไม่ได้นักการเมืองแบบนี้เข้ามา ไม่ได้ประธานสภาที่มีคดีติดตัวเข้ามาเป็นประธานได้ ซึ่งต่างประเทศเข้าไม่มี ใครมีข้อสงสัยเรื่องจริยธรรมนิดเดียว ก็เล่นการเมืองไมได้ ดังนั้น โครงสร้างในเรื่องของคนที่เข้าไปในสภา ก็ต้องคุยกันต่อว่าจะทำอย่างไร แต่ต้องถามตัวเองว่า ถ้าไม่พอใจในระบบที่เป็นอยู่ เราจะทำยังไงให้ได้ตรงข้ามกับที่เป็นอยู่” นายพิภพกล่าว
สำหรับชาวไร่ชาวนา หลายคนบอกว่าเราไม่พูดถึงเลย ซึ่งชาวไร่ชาวนาเองลำบากแสนเค็ญ เราเป็นครัวของโลก ผลิตข้าวส่งออก ซึ่งการเมืองใหม่จะมีคำตอบสำหรับชาวไร่ชาวนาด้วย นั่นคือ ต้องทราบพื้นฐานว่าต้องการอะไร ข้อ 1 ต้องการเป็นเจ้าของที่ดิน เพราะถ้ามีที่ดินเป็นของตัวเองแล้วเขาก็จะมีกำลังใจผลิตสินค้าออกมา ข้อ 2 ปัจจัยการผลิตที่ไม่ต้องให้ชาวนาลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ปุ๋ย น้ำ ยุ้งข้าว ซึ่งการเมืองใหม่ ต้องสร้างสหกรณ์เข้ามาดูแลปัจจัยการผลิตรวมทั้งหมด เพราะจะทำให้ต้นทุนผลิตต่อหัวต่ำลงไปทันที ข้อ 3 ข้าวต้องการราคาดี ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ดังนั้น ทุกที่ต้องการโรงสี มีตลาดของสหกรณ์โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง จนถูกกดราคาให้ถูกลง แต่ไปแพงที่อื่น ขณะที่ชาวนาได้ราคานิดเดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้การเมืองใหม่ต้องตอบคำถามให้ได้
ประเด็นสุดท้ายคือ สมาชิกสภา มีคนถกเถียงกันว่าจะใช้แนวทางตะวันตกหรือแนวทางตะวันออกผสมกับตะวันออก ซึ่งแนวทางตะวันตกคือ คือ การเลือกตั้งโดยตรง แต่เมื่อเอามาใช้กับไทยแล้วปรากฏว่าพังหมด ตั้งแต่การเลือกตั้งระดับประเทศ อบต. มหาวิทยาลัย เกิดความแตกแยกหมด ซึ่งไม่เหมาะกับเรา เลยมีแนวคิดว่าให้นำแบบตะวันออกรวมกับตะวันตก เพื่อไม่ให้แข่งขันถึงขั้นแตกแยก หรือลงทุนเพื่อการแข่งขัน เพราะถ้ายังจมปรักอยู่เหมือนเดิมก็จะเห็นว่าเกิดความแตกแยกตั้งแต่ระดับท้องถิ่นแล้ว ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมา พยายามผสมระหว่างแบบตะวันออก และตะวันตกเข้าด้วยกัน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งเรื่องนี้ การเมืองใหม่ก็ต้องการคำตอบด้วย
“การเมืองใหม่ต้องตอบคำถามได้ กินได้ ยกระดับชีวิตชาวนาให้ดีขึ้น คนชั้นกลางมีรายได้มากขึ้น โดยเฉพาะปัจจัย 4 หากทำสำเร็จแล้ว ก็ถือว่าการเมืองใหม่สำเร็จแล้วเช่นกัน ดังนั้น พี่น้องต้องช่วยกันเรียนรู้ว่าการเมืองใหม่ จะให้คำตอบสังคมอย่างไร แต่การเมืองใหม่ไม่ได้บอกว่าจะไม่เอาประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งเป้นประเด็นที่ฝ่ายตรงข้ามกล่าวหาเราว่าจะล้มระบอบการปกครอง ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ เรายังคงยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เสนอปัญญาให้กับสังคม และสร้างมิติใหม่ทางสังคมด้วย แต่ต้องไม่ละเลยจากเป้าหมายเดิม คือไล่พรรคพลังประชาชนออกไปด้วย” นายพิภพกล่าว