“พิภพ” จวกพวกเบี่ยงเบนประเด็นการเมืองใหม่ กล่าวหาว่าเป็นลัทธิ อย่าสักแต่โต้แบบไร้สาระ ท้าหากการเมืองเก่าดีจริงต้องตอบสังคมให้ได้ว่าจะแก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างไร ชี้ผู้แทนฯ จากทุกภาคส่วนไม่ใช่แค่ฝัน ยกโครงสร้างสภาที่ปรึกษาฯเป็นโมเดล ย้ำเป้าหมายพันธมิตรฯ ยังไม่เคยเปลี่ยน “ทักษิณ” ต้องติดคุก “พลังแม้ว” ต้องออกไป
วันนี้ (5 ก.ค.) เมื่อเวลา 22.11 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ เชิงสะพานชมัยมรุเชฐว่า หลังจากที่เราเริ่มพูดอย่างจริงจังเรื่องการเมืองใหม่ ก็กลายเป็นทอล์dออฟเดอะทาวน์ พูดกันทั่วไปหมด แล้วคนส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยว่าการเมืองใหม่เป็นทางออกของสังคมการเมืองบ้านเราเพราะวิกฤตมันสุดวิกฤตแล้ว
“จะคงการเมืองแบบเก่าไว้ ถามหน่อยว่าการเมืองแบบเก่า นักการเมืองออกมาตอบโต้ ต้องถามตัวเองว่า สิ่งที่เราเสนอว่าการเมืองใหม่จะแก้เรื่องนั้นเรื่องนี้ จะแก้ปัญหาโน้นปัญหานี้ ในสิ่งที่การเมืองเก่าทำไม่ได้ การเมืองเก่าถ้าจะตอบโต้การเมืองใหม่ต้องตอบโต้ในเนื้อหาสาระ ว่าที่เราถามว่าเรื่องโชว์ห่วยจะแก้ยังไง เรื่องทุนผูกขาดจะแก้ยังไง เรื่องน้ำมันจะแก้ยังไง ต้องโต้กันในเรื่องเหล่านี้ ถ้าจะอ้างว่าการเมืองเก่ายังดีอยู่ แต่โต้ไม่ได้” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวว่า สิ่งที่อยากจะย้ำ คนเริ่มจะเบี่ยงเบนการเมืองใหม่ว่าเป็นลัทธิใหม่ แล้วอาจจะไม่รับในสิ่งที่เป็นจริงในสังคมไทย ไม่ว่าเรื่องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน บอกได้เลยว่าการเมืองใหม่เท่านั้น ที่จะรักษาชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และดูแลปกป้องประชาชนได้ เพราะการเมืองเก่ามุ่งที่จะทำลายสิ่งเหล่านั้น เรื่องชาติก็จะกินชาติ เรื่องศาสนาก็ไม่เอาใจใส่ เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ปล่อยให้มีการดูหมิ่นในเว็บไซด์ต่างๆ นี่คือการเมืองเก่า เรื่องประชาชน ก็ไม่เอาใจใส่ความทุกข์ยาก น้ำมันแพงไม่มีทางออกที่จะให้ประชาชนว่าจะมีชีวิตอยู่ยังไงในท่ามกลางน้ำมันแพง จะปล่อยลอยตัวน้ำมันต่างๆให้ประชาชนช่วยเหลือตัวเอง นี่หรือคำตอบของการเมืองเก่าซึ่งใช้ไม่ได้
นายพิภพ กล่าวต่อว่า อยากจะบอกกับพี่น้องชาวไร่ชาวนาว่า การเมืองใหม่จะให้คำตอบกับพี่น้องชาวไร่ชาวนาว่า ชีวิตของชาวไร่ชาวนาจะดีขึ้นอย่างไร การเมืองใหม่จะต้องนำไปสู่การปฏิรูปที่ดิน นำไปสู่การประกันราคาข้าว การรวมกลุ่มของชาวไร่ชาวนาในรูปของสหกรณ์การเกษตร และนำไปสู่การเพิ่มผลผลิตในที่ดินทำการ การส่งบุตรหลานเข้าเรียนหนังสือฟรีจนถึงมหาวิทยาลัย เหตุที่ตนกล้าพูดเช่นนี้ เพราะทรัพยากรของชาติ การเมืองเก่าได้กิน เสพ และทุจริตคอรัปชั่น จนกระทั่งเงินเป็นล้านล้านของงบประมาณแผ่นดินสูญเสียไปกับการทุจริตคอรัปชั่น แล้วทำไมเรื่องค่าเล่าเรียนบุตรหลานของการเมืองใหม่จะทำไม่ได้ ถ้าเราสามารถหยุดการทุจริตคอรับชั่นของการเมืองได้
นายพิภพ กล่าวอีกว่า นักการเมืองเก่าจะลดบทบาทลงไป โดยจะมีตัวแทนของภาคส่วนต่างๆเข้ามาร่วมในสภาฯ เดิมทีการเมืองแบบประชาธิปไตยมีส่วนร่วมมักจะแยกการมีส่วนร่วมออกนอกสภาฯ เราก็เลยทำอะไรไม่ได้ การตรวจสอบรัฐบาลก็ทำไม่ได้ การเมืองใหม่จะทำให้กระบวนการมีส่วนร่วมเข้าไปอยู่ในสภาส่วนหนึ่ง ที่เรียกว่าตัวแทนของอาชีพต่างๆ ส่วนที่สงสัยว่าเป็นจริงหรือเรื่องตัวแทนของภาคต่างๆจะมาจากอะไรบ้างนั้น ก็อย่างเช่น กรณีของชาวนา เมื่อมีตัวแทนของเกษตรกรเข้าไปอยู่ในสภาฯ แล้ว เขาก็สามารถปกป้องชีวิตความเป็นอยู่และการทำมาหากินของเขาได้
“ฉะนั้น ที่คุณสนธิ (ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ) พูดถึงว่าการเมืองใหม่ไม่จำเป็นต้องมีพรรคฝ่ายค้าน เพราะประชาชนทุกหมู่อาชีพะข้าไปอยู่ในสภา เพื่อปกป้องและคัดค้านในสิ่งที่สภาจะนำพาสิ่งที่ไม่ถูกต้องเข้ามา หรือการออกกฎหมายที่ไม่ถูกต้อง” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวต่อว่า การมีตัวแทนภาคต่างๆเข้าไปอยู่ในสภา ในรัฐธรรมนูญปี40 ได้สร้าง สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) ซึ่งเดิมทีรัฐธรรมนูญต้องการให้เป็นผู้เขียนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งแผนพัฒนาฯทั้ง 7แผนที่ผ่านมาเป็นเรื่องของเทคโนแครก ข้าราชการและนักการเมืองเป็นผู้ร่วมกันเขียนแผน แผนนั้นก็ไม่เป็นจริงสำหรับชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นคนยากคนจน แต่ดีเฉพาะอุตสาหกรรมหรือกลุ่มทุนบางกลุ่ม หรือการพัฒนาประเทศที่เอื้อต้อกล่มทุนหรือกลุ่มชนบางกลุ่มเท่านั้น
นายพิภพ กล่าวอีกว่า แผนที่ 8 จึงเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการเขียนแผน ปรากฏว่าดีขึ้นเข้าถึงรากหญ้าคนยากจน แต่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ เพราะคุณทักษิณมาเป็นนายกฯ ปรับแผนนี้ทิ้งแล้วเสนอนโยบายประชานิยมเข้ามาแทนที่ นอกจากนั้นสภาที่ปรึกษาฯ ยังเป็นเพียงที่ปรึกษาให้ความเห็นต่อนโยบายของรัฐบาล แต่ไม่สามารถกำหนดนโยบายรัฐบาลได้
“ฉะนั้น ตัวอย่างของตัวแทนกลุ่มต่างๆปรากฏในรธน.ปี40แล้ว สวันนี้ที่เราเสนอการเมืองใหม่ ที่ให้มีตัวแทนทุกกลุ่มอาชีพเข้าไปอยู่ในสภาฯ ไม่ใช่ของใหม่สำหรับการเมือง เพียงแต่จะย้ายการเลือกกลุ่มอาชีพต่างๆแทนที่จะอยู่ที่สภาที่ปรึกษาฯ เพียงแต่ให้ความเห็น รัฐบาลจะทำหรือไม่ ไม่มีอำนาจไปเปลี่ยนแปลงให้ปฏิบัติได้ แต่การย้ายตัวแทนกลุ่มอาชีพต่างเข้าไปในสภาฯ ทำให้มีสิทธิมีเสียงในการกำหนดนโยบายได้” นายพิภพ กล่าว
จากนั้น นายพิภพได้ยกตัวอย่างโครงสร้างสมาชิกในสภาที่ปรึกษาฯ ที่มีตัวแทนจากทุกสาขาอาชีพ พร้อมกับกล่าวว่า การเมืองใหม่จะย้ายคนเหล่านี้เข้าไปอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนที่มาจะใช้วิธีเลือกกันเอง เลือกกันโดยตรง หรือแต่งตั้ง นั่นคือวิธีการ แต่เนื้อหาสาระคือ การเมืองใหม่ต้องได้ตัวแทนจากกลุ่มอาชีพที่หลากหลายเพื่อไปนำเสนอปัญหาและนโยบายของกลุ่มอาชีพตัวเอง และเมื่อนำเสนอก็จะมีแลกเปลี่ยนข้ามกลุ่มอาชีพ ดูว่ากลุ่มอาชีพต่างๆจะมีส่วนส่งเสริมหรือกระทบกันอย่างไร นี่ล่ะเนื้อหาของการเมืองใหม่ เพราะผู้แทนฯในการเมืองเก่าไม่สามารถเป็นตัวแทนของทุกอาชีพได้
นายพิภพ กล่าวอีกว่า ดังนั้น การเมืองใหม่จึงไม่ต้องมีพรรคฝ่ายค้าน เพราะจะมีการค้านโต้แย้งในกลุ่มอาชีพต่างๆ และสุดท้ายจะออกมาในแบบผลประโยชน์ของทุกฝ่าย แล้วนำพาประเทศชาติไป แน่นอนการเมืองใหม่ต้องตอบคำถามได้ ทั้งชาวไร่ชาวนา ชนชั้นกลาง กรรมกร และกลุ่มทุนที่ลงทุนทางเศรษฐกิจได้ ว่าเขาจะมีอิสรภาพในการลงทุนที่ไม่ผูกขาดหรือถูกตัดตอนหรือไม่ กรรมกร ชนชั้นกลาง และชาวไร่ชาวนาจะมีชีวิตดีขึ้นหรือไม่ นี่ล่ะเป็นสิ่งที่อยากจะบอกกับนักการเมืองว่า อย่ามาโต้ในเรื่องที่ไร้สาระ ควรจะโต้ในสิ่งที่เป็นสาระ ว่าที่เราบอกว่าการเมืองใหม่จะสร้างชีวิตใหม่นั้น ถามหน่อยว่าการเมืองเก่าทำได้หรือไม่
“ฉะนั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะพูดเนื้อหาสาระของการเมืองใหม่ให้มากขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่าเป้าหมายของเรายังอยู่ที่เอาทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยังไงเราก็ไม่ลืมตรงนึ้ แต่ขณะเดียวกัน เมื่อจัดการความถูกผิดของคุณทักษิณเสร็จแล้ว จัดการเรื่องพรรคพลังประชาชนเสร็จแล้ว เราจะร่วมกันสร้างการเมืองใหม่” นายพิภพ กล่าวทิ้งท้าย