“โฆษกแม้ว” แจงลูกพี่ยังไม่มีคิวเดินสายออกนอกประเทศช่วงนี้ หลังจากศาลฎีกาฯเบรกห้ามเดินทางออกนอกประเทศ แก้เกี้ยวชี้ศาลห้ามแค่ครั้งเดียวต่อขอใหม่ได้ ขณะที่โฆษกพลังแม้ว เชื่อ “หมัก” ปูดเรื่องถูกล็อกคาสนามบิน น่าจะได้ข้อมูลมา ระบุ มีแต่คนจ้องล้มรัฐบาล
วันนี้ (4 ก.ค.) นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลฎีกาฯไม่อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกนอกประเทศ ว่าจากการตรวจสอบคำสั่งศาล ทราบว่า คำสั่งดังกล่าวที่ไม่อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกนอกประเทศ เฉพาะในการขอครั้งนี้ มีผลเฉพาะคำร้องในวันที่ 24 มิ.ย.เท่านั้น หากในอนาคต พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินไปออกไปนอกประเทศ ก็สามารถยื่นคำร้องใหม่ต่อศาลได้อีกเรื่อยๆ ซึ่งอยู่ที่ดุลพินิจของศาล ส่วนเหตุผลที่ศาลไม่อนุญาต เนื่องจากอยู่ในช่วงที่มีการพิจารณาคดีต่างๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในช่วงที่จะมีการตัดสินหรือไม่นั้น ไม่ขอพูดถึง เพราะเกรงจะไปละเมิดอำนาจศาล
“การที่ศาลระงับการเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปประเทศจีน ญี่ปุ่น และ อังกฤษ ซึ่งก็มั่นใจว่าไม่กระทบกับธุรกิจและงานของสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคารพต่อคำสั่งศาล โดยยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย และยังไม่มีกำหนดเดินทางออกไปไหน” โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปประเทศจีนนั้น เพื่อไปร่วมงานวันเกิดของ นายเหยียน ปิน หรือ นายชาญชัย รวยรุ่งเรือง ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวจีนและเป็นเพื่อนสนิท ที่เคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีสมัยที่ดำรงตำแหน่งด้วย เพื่อช่วยประสานงานในประเทศจีนด้วย
นอกจากนี้ ในกรณีจะเดินทางไปอังกฤษ สาเหตุหลักเพื่อไปสะสางปัญหาในสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี ที่กำลังโดน สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ สอบอยู่ เช่น จะเปลี่ยนสัญลักษณ์ตราสโมสรฟุตบอลทีมดังกล่าว จนทำให้แฟนฟุตบอลแมนฯซิตี รวมตัวประท้วงมาแล้ว
ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุมีกลุ่มคนต้องการให้ออกจากตำแหน่ง และจะมีการรวบตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ นั้น ว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้มีความสับสนอย่างมาก แต่การที่นายกฯออกมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีฐานข้อมูลที่แน่ชัดว่าจึงต้องออกมาพูดด้วยตัวเอง เพื่อแสดงนัยยะไปยังกลุ่มบุคคลที่พยายามจะกดดันนายกฯ และจะทำการรวบตัว ให้ได้รู้ตัว ไม่ได้พูดเลื่อนลอยเหมือนอย่างที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวหา เพราะ นายอภิสิทธิ์ ไม่อยู่ในฐานะที่จะรู้ข้อมูลเท่านายกฯ ซึ่งนายกฯสามารถจะพูดได้และไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด
“คนระดับนายกรัฐมนตรี คงไม่ออกมาพูดอะไรที่เลื่อนลอย เชื่อว่า ท่านได้รับทราบข้อมูลจากข่าวกรองในการกดดันให้นายกฯออกจากตำแหน่ง รวมทั้งการพยายามรวบตัวก็มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะเคยเกิดขึ้นในการเมืองไทยในยุคหนึ่ง ดังนั้น นายกฯจึงต้องออกมาพูดดักทางไว้ก่อนเพื่อให้กลุ่มคนเหล่านั้น ได้รู้ว่าท่านนายกฯ รู้ข้อมูลดี นอกจากนี้ นายกฯยังทราบข้อมูลที่อยู่นอกระบบการเมืองที่ต้องการทำลายล้างรัฐบาล อย่างเช่น กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาเสนอการเมืองใหม่ ลักษณะแบบบ้าบอคอแตก” ร.ท.กุเทพ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ออกมาระบุว่า หากดำเนินการกรณีปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชา หากเกิดความผิดพลาด นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ จะต้องรับผิดชอบ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า หากพิจารณาจากคำพูด ผบ.สส.แล้ว เป็นการพูดในหลักการในภาพรวม แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นที่นายนพดล ต้องรับผิดชอบ เพราะยังไม่มีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น
