นักวิชาการชำแหละร่าง พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ อัดยับใช้อำนาจรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการบอร์ดเป็นช่องทางหากิน-ครอบงำสื่อปิดหูปิดตาประชาชน ตั้งฉายากฎหมาย “จัดสรรผลประโยชน์-ปล้นชาติ ปล้นประชาชน”
วันนี้ (1 ก.ค.) ในช่วงรู้ทันประเทศไทย ดำเนินรายการโดย นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ นายสันติสุข มะโรงศรี โดยมีวิทยากรร่วมรายการ คือ นายอนุสรณ์ ศรีแก้ว คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต นายประพจน์ ลี่สารพงษ์ศา สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ นายต่อพงษ์ เสนาพงษ์ นักวิชาการอิสระ โดยหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องเกี่ยวกับ พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ฉบับใหม่ ที่รัฐบาลกำลังจะเสนอเข้าสภาในสมัยประชุมสมัยนิติบัญญัติในเดือนสิงหาคมนี้
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลกำลังเปลี่ยนแปลง พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ ให้กลายเป็น พ.ร.บ.ปล้นชาติ ปล้นคลื่นความถี่ เนื่องจากสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ให้อำนาจรัฐมนตรีเป็นคนแต่งตั้งกรรมการบอร์ด ซึ่งเป็นใครก็ได้ที่รัฐบาลสั่งได้ และทำให้สื่อไม่กล้าเสนอความจริง และถ้ากฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้หากมีการเสนอข่าวที่รัฐบาลไม่ชอบ รัฐมนตรีสามารถสั่งระงับการออกอากาศได้ทันที
นายประพจน์ ได้ชี้ให้เห็นว่า หากรัฐบาลเป็นคนเลือกกรรมการจัดสรรคลื่นความถี่ มันก็ไม่มีทางเป็นอิสระ ถือว่าเป็นอีช่องหนึ่งในการเข้าไปแทรกแซงสื่อ
นายต่อพงษ์ กล่าวเสริมว่า เจตนาของรัฐธรรมนูญมาตรา 48 ไม่ต้องการให้มีการครอบงำสื่อ เพราะถือว่าเป็นหัวใจในการครอบงำประชาชน ปิดบัง และบิดเบือนความจริง และคราวนี้ถือว่าแม้ไม่ได้ถือหุ้นในสื่อ แต่สามารถแต่งตั้งเข้ามาเลย
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ถ้าใช้กฎหมายฉบับนี้ก็จะยากที่จะให้สื่อมีความอิสระ และยังเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน ยกตัวอย่างกรณีมีการนำ อ.ส.ม.ท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ในสมัยของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นำทรัพย์สินของรัฐไปแบ่งขายให้เอกชน นอกจากนี้ อ.ส.ม.ท.ยังเป็นเจ้าของ ช่อง 3 ช่อง 9 ยูบีซี และยังเป็นเจ้าของคลื่นวิทยุทั่วประเทศอีกจำนวนมาก และว่ามูลค่าต่อคลื่นความถี่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่กรรมการจัดสรรคลื่นความถี่เข้ามาดูแลจะมีมูลค่าเป็นล้านล้านบาท รวมทั้งจะทำให้เกิดการจ่ายเงินใต้โต๊ะอีกมหาศาล โดยตั้งฉายา พ.ร.บ.ฉบับนี้ ว่า เป็น พ.ร.บ.จัดสรรผลประโยชน์ ปล้นชาติปล้นประชาชน
นายต่อพงษ์ กล่าวว่า แม้จะมีการระบุว่า กฎหมายฉบับนี้บอกว่าประชาชนเป็นเจ้าของคลื่นความถี่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คลื่นความถี่มันถูกครอบครองจนหมดไปแล้ว พร้อมประกาศว่าหากยังมีชีวิตอยู่จะไม่ยอมให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ออกมาบังคับใช้อย่างเด็ดขาด
