“อดีต ส.ส.ร.” อัดยับ พปช.ลุยแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ฮื่มเตรียมหารือกำหนดท่าทีร่วมต้าน 22 เม.ย.นี้ ด้าน “สุรชัย” จี้เปิดเผยร่างแก้ รธน.เพื่อเปรียบเทียบผลดี-ผลเสีย ให้ประชาชนได้รับรู้
วันนี้ (19 เม.ย.) นางกรรณิการ์ บรรเทิงจิตร สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.2550) กล่าวถึงการประชุมร่วมหารือ เพื่อกำหนดท่าทีการคัดค้านการเสนอแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 ตามกรอบของพรรคพลังประชาชนว่า ในวันอังคารที่ 22 เม.ย.นี้ สมาชิกจะร่วมประชุมถึงกรณีดังกล่าว และจากการประเมินเบื้องต้นแล้วเห็นว่า ประเด็นของการนำเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
“โดยเฉพาะการยกเลิกองค์กรอิสระอย่าง กกต.และ ป.ป.ช.เพื่อกำหนดให้มีการสรรหาใหม่ภายใน 180 วัน ถือเป็นการเตรียมล้มองค์กรอิสระซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบทุกฝ่าย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญไม่เฉพาะเพียงรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 แต่ยังรวมไปถึงรัฐธรรมนูญปี 40 อีกด้วย” นางกรรณิการ์ กล่าว
ขณะที่ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภาแบบสรรหา ในฐานะอดีต ส.ส.ร.กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ถึงแม้จะเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน หรือรัฐบาลจะเสนอแก้รัฐธรรมนูญได้ แต่ตั้งข้อสังเกตถึงเหตุผลความเหมาะสมที่ผู้เสนอแก้ไข เพราะต้องการชี้แจงต่อสังคมให้ชัดเจน และขอให้มีการเปิดเผยตัวร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมที่ยกร่างขึ้น เพื่อชี้แจงประโยชน์ และเปรียบเทียบผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน
“ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว เพื่อขจัดข้อครหาเกี่ยวกับส่วนได้ส่วนเสีย เพราะถ้าหากไม่ยึดหลักปฏิบัติดังที่ระบุมา ก็อาจนำมาซึ่งความวุ่นวายในอนาคต เพราะสังคมกำลังจับจ้องถึงการใช้อำนาจรัฐที่อาจจะเกินขอบเขตมากเกินไป” นายสุรชัย ระบุ
วันนี้ (19 เม.ย.) นางกรรณิการ์ บรรเทิงจิตร สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.2550) กล่าวถึงการประชุมร่วมหารือ เพื่อกำหนดท่าทีการคัดค้านการเสนอแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 ตามกรอบของพรรคพลังประชาชนว่า ในวันอังคารที่ 22 เม.ย.นี้ สมาชิกจะร่วมประชุมถึงกรณีดังกล่าว และจากการประเมินเบื้องต้นแล้วเห็นว่า ประเด็นของการนำเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
“โดยเฉพาะการยกเลิกองค์กรอิสระอย่าง กกต.และ ป.ป.ช.เพื่อกำหนดให้มีการสรรหาใหม่ภายใน 180 วัน ถือเป็นการเตรียมล้มองค์กรอิสระซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบทุกฝ่าย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญไม่เฉพาะเพียงรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 แต่ยังรวมไปถึงรัฐธรรมนูญปี 40 อีกด้วย” นางกรรณิการ์ กล่าว
ขณะที่ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภาแบบสรรหา ในฐานะอดีต ส.ส.ร.กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ถึงแม้จะเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน หรือรัฐบาลจะเสนอแก้รัฐธรรมนูญได้ แต่ตั้งข้อสังเกตถึงเหตุผลความเหมาะสมที่ผู้เสนอแก้ไข เพราะต้องการชี้แจงต่อสังคมให้ชัดเจน และขอให้มีการเปิดเผยตัวร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมที่ยกร่างขึ้น เพื่อชี้แจงประโยชน์ และเปรียบเทียบผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน
“ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว เพื่อขจัดข้อครหาเกี่ยวกับส่วนได้ส่วนเสีย เพราะถ้าหากไม่ยึดหลักปฏิบัติดังที่ระบุมา ก็อาจนำมาซึ่งความวุ่นวายในอนาคต เพราะสังคมกำลังจับจ้องถึงการใช้อำนาจรัฐที่อาจจะเกินขอบเขตมากเกินไป” นายสุรชัย ระบุ
