นายวรากรณ์ สามโกเศศ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนักวิชาการอิสระ เปิดเผยในงานสัมมนา "สงครามเศรษฐกิจคนไทยจะอยู่รอดได้อย่างไร" ว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองที่สำคัญ 5 เหตุการณ์วานนี้ คือ การจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการลงนามในแถลงการณ์ร่วมฯ ของนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีความผิดตามมาตรา 190 คดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตนายกรัฐมนตรี 2 คน ขึ้นศาลในคดีอาญา และคดีคอร์รัปชั่นผู้รับเหมาญี่ปุ่นจ่ายเงินใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่สมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นั้น เห็นว่าเป็นเรื่องดี ทำให้ต่างชาติเห็นถึงการคลี่คลายสถานการณ์ของประเทศไทยด้วยคำตัดสินของศาล ซึ่งเห็นถึงการแก้ปัญหาภายในได้ด้วยตัวเอง ส่งผลให้ตลาดหุ้นวันนี้ดัชนีปรับเพิ่มขึ้น 8 จุด ทั้งนี้ เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจของไทยจะปรับตัวได้ภายใน 2 ปี หากน้ำมันไม่พุ่งขึ้นไปกว่านี้
นอกจากนี้ นายวรากรณ์ มีความเห็นว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยง โดยอาจจะขึ้นร้อยละ 0.5 ในกลางปี และร้อยละ 1.5 ในช่วงปลายปี เพื่อให้ตัวเลขเป็นหนี้โดยรวมลดลง เงินไหลเข้ามากขึ้น และเงินไหลออกจะลดลง
นอกจากนี้ นายวรากรณ์ มีความเห็นว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยง โดยอาจจะขึ้นร้อยละ 0.5 ในกลางปี และร้อยละ 1.5 ในช่วงปลายปี เพื่อให้ตัวเลขเป็นหนี้โดยรวมลดลง เงินไหลเข้ามากขึ้น และเงินไหลออกจะลดลง