“พิภพ ธงไชย” ชี้นักการเมืองกำลังแทรกแซงทหาร โดยให้ตำแหน่ง ยศอำนาจ และธุรกิจ หลังเข้าแทรกแซงศาล แต่ไม่สำเร็จ ฝากถามถึงจุดยืน “อนุพงษ์” ถูกเพื่อน ตท.10 รุมเร้า ยังนิ่งอยู่หรือเปล่า พร้อมยกกรณีหมิ่นฯ ทหารกลับนิ่งเฉย ปชช.จึงมองเห็นแต่การแสดงความร่วมือกับ 111 ทรท.ที่ถูกศาลตัดสินว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคง เรียกร้องให้ทหารกลับมาทำหน้าที่ตาม รธน.ไม่ใช่การทำรัฐประหาร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
เมื่อเวลา 01.15 น.วันนี้ (30 มิ.ย.) นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยระบุถึงบทบาทของทหารในขณะนี้ ได้ถูกนักการเมืองเข้ามาแทรกแซงหนักมาก หลังจากพยายามแทรกแซงกลไกทางกระบวนการยุติธรรม (สินบนถุงขนม) แต่ถูกประชาชนรู้ทัน และสามารถต้านไว้ได้ในระดับหนึ่งแล้ว
นายพิภพ กล่าวว่า ตอนนี้นายทหารระดับบัญชาการเหล่าทัพ เป็นเป้าหมายที่นักการเมืองต้องการใช้เป็นเครื่องมือเพื่อปกป้องอำนาจ และพรรคพวกของตัวเอง ขณะที่ทหารบางส่วนกำลังหลงระเริงกับอำนาจ ยศตำแหน่ง งบประมาณ และผลประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งฝ่ายการเมืองหยิบยื่นให้ ประชาชนจึงไม่แน่ใจว่ากองทัพจะสามารถต้านทานการแทรกแซงได้อีกนานหรือไม่
“ตอนนี้ประชาชนที่มาชุมนุม มีภาระที่ต้องออกมาปกป้องสถาบันทหาร เช่นเดียวกับที่เคยออกมาปกป้องให้กระบวนการยุติธรรม ยังคงเป็นสถาบันที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะตอนนี้กองทัพกำลังจะเล่นกับการเมืองในระบอบเก่า โดยใช้สายสัมพันธ์ของนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ส.ส.อดีตพรรคไทยรักไทย ไปยัง พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ เพื่อให้ถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก”
นายพิภพ ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นประชาชนและพันธมิตร คงต้องส่งสัญญาณเตือนจากเวทีฯ เพื่อให้กองทัพได้รู้ตัวและตระหนักในจุดยืน และมีความสงสัยว่าพวกท่านนายทหารจะยืนได้นิ่งหรือเปล่า โดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และต้องการจับตาดูว่าท่านยืนระยะห่งทางการเมืองได้นิ่งหรือเปล่า
“ผมยกตัวอย่างกรณีการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ในหลายกรณี รวมถึงเรื่องอธิปไตยของประเทศ กองทัพต้องแสดงให้ประชาชนมองเห็นจุดยืนที่แจ่มชัด ในการทำหน้าที่ของตนเองภายในขอบเขตของรัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย โดยไม่ได้เรียกร้องให้ท่านทำเกินเลยหน้าที่ อาทิ การทำรัฐประหาร ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนต้องการ”
นายพิภพ ยกตัวอย่างกรณีหมิ่นสถาบันฯ ของนายจักรภพ ซึ่งเห็นได้ชัดเจน และได้มีการตัดสินความผิดไปแล้ว แม้จะมีความพยายามอุ้มกันอย่างเต็มที่แล้ว แต่นายจักรภพก็ยังแสดงท่าทีและเจตนาการไม่ยอมรับความผิด โดยออกมากล่าวว่า สาเหตุที่ตนลาออก เพราะเป็นแผนเสียเบี้ยเพื่อรักษาขุน นั่นหมายความว่ากระบวนการทำลายสถาบันฯ ยังคงอยู่ แต่ทหารกลับไม่มีการติดตาม หรือทำหน้าที่ในการรักษาสถาบันตามที่ได้ปฎิญาณเอาไว้
สำหรับบทบาทของทหารที่ต้องชัดเจน นายพิภพ ระบุว่า ทหารต้องยืนให้นิ่ง ไม่ใช่ต้องให้ประชาชนต้องออกมาถามตลอดว่า เรื่องนี้ทหารจะเอายังไง อย่างกรณีเขาพระวิหาร หรือเว็บไซต์หมิ่น เรื่องนี้กองทัพต้องแสดงจุดยืนตามหน้าที่ในกรอบรัฐธรรมนูญ แต่เรากลับเห็นแต่ความนิ่งเฉย และการแสดงความร่วมมือกับ 111 ไทยรักไทย ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าไม่ยอมรับการปกครองที่มีมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และมีการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ พวกเราต้องการเปลี่ยนกองทัพใหม่ อย่าระเริมกับเกมการเมือง และสิ่งที่นำมาหลอกล่อ ทั้งอำนาจ ยศตำแหน่ง และธุรกิจ และหวังว่าผู้บัญชาการทหาบก เรือ อากาศ ต้องแสดมิติใหม่ และจุดยืนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อย่าให้ประชาชนต้องออกมาตั้งคำถามในความไม่ชัดเจนอีก
