สหภาพฯ อภ.สุดทนชุมนุมแสดงจุดยืนไม่ให้ตัวแทนบริษัทยาข้ามชาตินั่งกรรมการบอร์ดเด็ดขาด กันถูกแทรกแซง ครอบงำ สหภาพฯ พนักงาน พร้อมใจลงมติให้ นายไชยา ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุข และการเข้าถึงยาของประเทศชาติ เพราะส่อเอื้อและรับสนองบริษัทยาข้ามชาติให้เอาเปรียบ เผย “ไชยา” แทรกแซง อภ.ใช้การเมืองล็อบบี้ขวางซีแอล ขณะที่เลขานุการรัฐมนตรี ประกาศไม่แต่งตั้งคนชื่อ “ธีระ” แน่นอน ด้านสหภาพฯไม่ไว้ใจจับตาเฝ้าระวังเข้ม
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (29 เม.ย.) ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) นายระวัย ภู่ผะกา ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรม พร้อมพนักงานองค์การเภสัชกรรม ประมาณ 60 คน ชุมนุมคัดค้านการแต่งตั้งภก.ธีระ ฉกาจนโรดม นายกสมาคมวิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีม่า) เข้ามาเป็นกรรมการ (บอร์ด) องค์การเภสัชกรรม ซึ่งบรรยากาศบริเวณลานด้านหน้า อภ.มีการผลัดเปลี่ยนการปราศรัยชี้แจงกับพนักงาน และกระตุ้นพนักงานให้เข้าร่วมการคัดค้านปกป้องผลประโยชน์ของ อภ.และประเทศชาติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาพักเที่ยงของพนักงานพอดี
จนกระทั่งเวลา 13.00 น.นายสุพจน์ ฤชุพันธุ์ เลขานุการรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือที่ยื่นถึงนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อขอให้ยุติการเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจข้ามชาติ ซึ่งนายไชยาจะเดินทางมาร่วมประชุมคณะกรรมการบริการ (บอร์ด) อภ.ประจำเดือนเป็นครั้งแรก
นายระวัย กล่าวว่า สหภาพแรงงานฯ ไม่เห็นด้วยและขอแสดงจุดยืนคัดค้านการให้ นายธีระ ซึ่งเป็นตัวแทนบริษัทยาข้ามชาติเข้ามาร่วมบริหาร อภ. เพราะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจมาโดยตลอด และไม่เห็นด้วยการการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร(ซีแอล) รวมถึงมีการโจมตียาจีพีโอเวียร์ของ อภ.ว่าไม่ได้คุณภาพ อีกทั้งยังเป็นการขัด พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2518 ในมาตรา 8 ผู้บริหารนอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้สำหรับรัฐวิสาหกิจนั้นๆ แล้ว ในวงเล็บข้อ 12 ระบุ ด้วยว่า ต้องไม่เป็นหรือภายในระยะเวลาสามปี ดังนั้น การให้บุคคลก่อนวันได้รับการแต่งตั้ง ไม่เคยเป็นกรรมการหรือผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจในการจัดการหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้รับสัมปทาน ผู้ร่วมทุน หรือผู้มีประโยชน์ได้เสียเกี่ยวข้องกับกิจการของรัฐวิสาหกิจนั้น เว้นแต่เป็นประธานกรรมการ หรือกรรมการในนิติบุคคลดังกล่าวโดยการมอบหมายของรัฐวิสาหกิจนั้น จึงถือว่าไม่เหมาะสม
“เมื่อได้รับฟังคำชี้แจงจากท่านเลขานุการรัฐมนตรี คงจะต้องดูว่าสิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำจะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ถึงไม่ใช่ ภก.ธีระ แต่เป็นคนอื่น ก็จะต้องมีการจับตาเฝ้าระวังต่อไป เพราะหากมีอะไรไม่ชอบมาพากล สหภาพฯ จะไม่อยู่เฉยและต้องรวมตัวกันคัดค้านอย่างแน่นอน” นายระวัย กล่าว
ทั้งนี้ หนังสือที่ยื่นถึง นายไชยา ระบุด้วยว่า นายไชยา ได้ก้าวก่ายและแทรกแซงการบริหารและการดำเนินงานของ อภ.โดยวิธีทางการเมืองเข้าล็อบบี้ ทั้งการขัดขวางการดำเนินการทำซีแอล ยาที่รักษาโรคร้ายที่ฆ่าชีวิตประชาชนชาวไทย และพยายามเข้ามาควบคุม และกำกับนโยบายการบริการงานของ อภ.ด้วยการนำเสนอผู้แทนจากบริษัทยาข้ามชาติ เข้ามาเป็นคณะกรรมการบอร์ด อภ. สหภาพฯ และพนักงานลูกจ้าง อภ.มีมติร่วมกันว่า พฤติกรรมของนายไชยาถือเป็นภัยต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุข และการเข้าถึงยาของประเทศชาติ ซึ่งมีพฤติกรรมที่ส่อในทางเอื้อและรับสนองบริษัทยาข้ามชาติ เพื่อเอาเปรียบประชาสังคมโลกมาโดยตลอด
“เพื่อป้องกันไม่ให้ อภ.ถูกครอบงำ จากกลุ่มทุนธุรกิจข้ามชาติ สหภาพฯ ขอเรียกร้องให้ รมว.สธ.ยุติการบีบบังคับให้ข้าราชการระดับสูงผู้ที่คุณวุฒิและความสามารถ ของกระทรวงสาธารณสุขต้องลาออกจากกรรมการบริหาร (บอร์ด) อภ.และล้มเลิกความคิดและความพยายามที่จะนำบุคคลผู้เป็นตัวแทนของบริษัทยาข้ามชาติ ซึ่งมีแนวความคิดและการกระทำรับใช้กลุ่มทุนธุรกิจข้ามชาติ เข้ามาเป็นกรรมการ (บอร์ด) อภ.โดยเด็ดขาด”นายระวัยกล่าว
ขณะที่ นายสุพจน์ ได้ประกาศต่อหน้าสหภาพฯ ว่า จะไม่มีการตั้งให้นายธีระหรือตัวแทนบริษัทยา เป็นคณะกรรมการบอร์ดอย่างแน่นอน ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาว่าจะแต่งตั้งใครขึ้นมาแทนคณะกรรมการที่ลาออกไป ซึ่งข่าวที่ออกมาไม่รู้มาจากไหน จึงมีความเป็นห่วงสหภาพฯอภ.ว่าจะคิดกันอย่างไร แต่วันนี้ขอยืนยันว่าไม่มีแน่นอน ซึ่งการหาบุคคลที่จะมาเป็นคณะกรรมการบอร์ดคงต้อง พิจารณาผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุด หลายๆ ด้าน และรับรองจะไม่มีการบิดพลิ้วสอดใส่รายชื่อไปเป็นคณะกรรมการภายหลัง โดยจะยื่นหนังสือฉบับนี้ให้รัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งด้วย
เมื่อเวลา 14.20 น.นายไชยา เดินทางมาถึงองค์การเภสัชกรรม โดยได้ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ว่า เรื่องนี้นักข่าวตั้งกันเองทั้งนั้น ตนพูดเพียงแค่ เมื่อมีคนลาออก ก็ต้องพิจารณาว่าจะแต่งตั้งผู้มานั่งเป็นคณะกรรมการที่ว่างอยู่เพิ่มเติม ไม่ได้บอกว่าจะแต่งตั้งใคร ซึ่งคงต้องขอพิจารณาดูก่อน แต่ยังไม่คิดตอนนี้ ส่วนคุณสมบัติก็ควรเป็นคนดี มีความรู้ คำว่าบอร์ดบริหารก็บอกอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นการโยนหินถามทางหรือไม่ นายไชยา กล่าวว่า ยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักบริษัทยามาก่อน ไม่เคยคิดที่จะให้มานั่งตรงนี้ เพราะสธ.มีคนมากมายอยู่แล้ว ส่วนจะแต่งตั้งผู้ที่ลาออกจากคณะกรรมการบอร์ดก่อนหน้านี้หรือไม่ คงต้องถามว่า เพราะเหตุผลใดจึงลาออก
“ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานหรือหนังสือของกลุ่มสหภาพ แต่ทราบมาว่า มีความเป็นห่วง เรื่องการตั้งกรรมการบอร์ด ซึ่งเจอกันในงานประชุมสภาเภสัชกรรมเขาให้นามบัตรผม ผมยังลืมทิ้งไว้ไม่รู้อยู่ไหนเลย แต่ผมไม่จำเป็นต้องชี้แจง คนที่เคลื่อนไหวควรจะต้องมาชี้แจงกับผม ซึ่งผมจะให้นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการ อภ. เพื่อหารือกับนพ.ปราญช์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ.เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง” นายไชยา กล่าว
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (29 เม.ย.) ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) นายระวัย ภู่ผะกา ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรม พร้อมพนักงานองค์การเภสัชกรรม ประมาณ 60 คน ชุมนุมคัดค้านการแต่งตั้งภก.ธีระ ฉกาจนโรดม นายกสมาคมวิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีม่า) เข้ามาเป็นกรรมการ (บอร์ด) องค์การเภสัชกรรม ซึ่งบรรยากาศบริเวณลานด้านหน้า อภ.มีการผลัดเปลี่ยนการปราศรัยชี้แจงกับพนักงาน และกระตุ้นพนักงานให้เข้าร่วมการคัดค้านปกป้องผลประโยชน์ของ อภ.และประเทศชาติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาพักเที่ยงของพนักงานพอดี
จนกระทั่งเวลา 13.00 น.นายสุพจน์ ฤชุพันธุ์ เลขานุการรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือที่ยื่นถึงนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อขอให้ยุติการเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจข้ามชาติ ซึ่งนายไชยาจะเดินทางมาร่วมประชุมคณะกรรมการบริการ (บอร์ด) อภ.ประจำเดือนเป็นครั้งแรก
นายระวัย กล่าวว่า สหภาพแรงงานฯ ไม่เห็นด้วยและขอแสดงจุดยืนคัดค้านการให้ นายธีระ ซึ่งเป็นตัวแทนบริษัทยาข้ามชาติเข้ามาร่วมบริหาร อภ. เพราะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจมาโดยตลอด และไม่เห็นด้วยการการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร(ซีแอล) รวมถึงมีการโจมตียาจีพีโอเวียร์ของ อภ.ว่าไม่ได้คุณภาพ อีกทั้งยังเป็นการขัด พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2518 ในมาตรา 8 ผู้บริหารนอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้สำหรับรัฐวิสาหกิจนั้นๆ แล้ว ในวงเล็บข้อ 12 ระบุ ด้วยว่า ต้องไม่เป็นหรือภายในระยะเวลาสามปี ดังนั้น การให้บุคคลก่อนวันได้รับการแต่งตั้ง ไม่เคยเป็นกรรมการหรือผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจในการจัดการหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้รับสัมปทาน ผู้ร่วมทุน หรือผู้มีประโยชน์ได้เสียเกี่ยวข้องกับกิจการของรัฐวิสาหกิจนั้น เว้นแต่เป็นประธานกรรมการ หรือกรรมการในนิติบุคคลดังกล่าวโดยการมอบหมายของรัฐวิสาหกิจนั้น จึงถือว่าไม่เหมาะสม
“เมื่อได้รับฟังคำชี้แจงจากท่านเลขานุการรัฐมนตรี คงจะต้องดูว่าสิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำจะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ถึงไม่ใช่ ภก.ธีระ แต่เป็นคนอื่น ก็จะต้องมีการจับตาเฝ้าระวังต่อไป เพราะหากมีอะไรไม่ชอบมาพากล สหภาพฯ จะไม่อยู่เฉยและต้องรวมตัวกันคัดค้านอย่างแน่นอน” นายระวัย กล่าว
ทั้งนี้ หนังสือที่ยื่นถึง นายไชยา ระบุด้วยว่า นายไชยา ได้ก้าวก่ายและแทรกแซงการบริหารและการดำเนินงานของ อภ.โดยวิธีทางการเมืองเข้าล็อบบี้ ทั้งการขัดขวางการดำเนินการทำซีแอล ยาที่รักษาโรคร้ายที่ฆ่าชีวิตประชาชนชาวไทย และพยายามเข้ามาควบคุม และกำกับนโยบายการบริการงานของ อภ.ด้วยการนำเสนอผู้แทนจากบริษัทยาข้ามชาติ เข้ามาเป็นคณะกรรมการบอร์ด อภ. สหภาพฯ และพนักงานลูกจ้าง อภ.มีมติร่วมกันว่า พฤติกรรมของนายไชยาถือเป็นภัยต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุข และการเข้าถึงยาของประเทศชาติ ซึ่งมีพฤติกรรมที่ส่อในทางเอื้อและรับสนองบริษัทยาข้ามชาติ เพื่อเอาเปรียบประชาสังคมโลกมาโดยตลอด
“เพื่อป้องกันไม่ให้ อภ.ถูกครอบงำ จากกลุ่มทุนธุรกิจข้ามชาติ สหภาพฯ ขอเรียกร้องให้ รมว.สธ.ยุติการบีบบังคับให้ข้าราชการระดับสูงผู้ที่คุณวุฒิและความสามารถ ของกระทรวงสาธารณสุขต้องลาออกจากกรรมการบริหาร (บอร์ด) อภ.และล้มเลิกความคิดและความพยายามที่จะนำบุคคลผู้เป็นตัวแทนของบริษัทยาข้ามชาติ ซึ่งมีแนวความคิดและการกระทำรับใช้กลุ่มทุนธุรกิจข้ามชาติ เข้ามาเป็นกรรมการ (บอร์ด) อภ.โดยเด็ดขาด”นายระวัยกล่าว
ขณะที่ นายสุพจน์ ได้ประกาศต่อหน้าสหภาพฯ ว่า จะไม่มีการตั้งให้นายธีระหรือตัวแทนบริษัทยา เป็นคณะกรรมการบอร์ดอย่างแน่นอน ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาว่าจะแต่งตั้งใครขึ้นมาแทนคณะกรรมการที่ลาออกไป ซึ่งข่าวที่ออกมาไม่รู้มาจากไหน จึงมีความเป็นห่วงสหภาพฯอภ.ว่าจะคิดกันอย่างไร แต่วันนี้ขอยืนยันว่าไม่มีแน่นอน ซึ่งการหาบุคคลที่จะมาเป็นคณะกรรมการบอร์ดคงต้อง พิจารณาผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุด หลายๆ ด้าน และรับรองจะไม่มีการบิดพลิ้วสอดใส่รายชื่อไปเป็นคณะกรรมการภายหลัง โดยจะยื่นหนังสือฉบับนี้ให้รัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งด้วย
เมื่อเวลา 14.20 น.นายไชยา เดินทางมาถึงองค์การเภสัชกรรม โดยได้ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ว่า เรื่องนี้นักข่าวตั้งกันเองทั้งนั้น ตนพูดเพียงแค่ เมื่อมีคนลาออก ก็ต้องพิจารณาว่าจะแต่งตั้งผู้มานั่งเป็นคณะกรรมการที่ว่างอยู่เพิ่มเติม ไม่ได้บอกว่าจะแต่งตั้งใคร ซึ่งคงต้องขอพิจารณาดูก่อน แต่ยังไม่คิดตอนนี้ ส่วนคุณสมบัติก็ควรเป็นคนดี มีความรู้ คำว่าบอร์ดบริหารก็บอกอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นการโยนหินถามทางหรือไม่ นายไชยา กล่าวว่า ยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักบริษัทยามาก่อน ไม่เคยคิดที่จะให้มานั่งตรงนี้ เพราะสธ.มีคนมากมายอยู่แล้ว ส่วนจะแต่งตั้งผู้ที่ลาออกจากคณะกรรมการบอร์ดก่อนหน้านี้หรือไม่ คงต้องถามว่า เพราะเหตุผลใดจึงลาออก
“ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานหรือหนังสือของกลุ่มสหภาพ แต่ทราบมาว่า มีความเป็นห่วง เรื่องการตั้งกรรมการบอร์ด ซึ่งเจอกันในงานประชุมสภาเภสัชกรรมเขาให้นามบัตรผม ผมยังลืมทิ้งไว้ไม่รู้อยู่ไหนเลย แต่ผมไม่จำเป็นต้องชี้แจง คนที่เคลื่อนไหวควรจะต้องมาชี้แจงกับผม ซึ่งผมจะให้นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการ อภ. เพื่อหารือกับนพ.ปราญช์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ.เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง” นายไชยา กล่าว
