ส.ว. จี้รัฐบาลยับยั้งเขมรขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ชี้พื้นที่โดยรอบต้องตกเป็นของกัมพูชาเสนอยกฐานะหน่วยงานโบราณคดี เป็นกรม เตรียมยื่นเรื่องเสนอยูเนสโกชะลอการขึ้นทะเบียน
วันนี้ (23 มิ.ย.) นางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการศาสนาคุณธรรม จริยธรรม ศิลปวัฒนธรรม วุฒิสภาแถลงถึงกรณีปราสาทพระวิหารที่ประเทศกัมพูชาเตรียมจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมักไม่ค่อยให้ความสำคัญเรื่องโบราณสถาน โดยดูได้จากไม่มีการศึกษา แม้กระทั่งในโรงเรียน ซึ่งกรณีปราสาทพระวิหาร ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญที่เราพลาดโอกาส เพราะรัฐบาลไทยยอมให้ประเทศกัมพูชา จดทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งทำให้พื้นที่ของไทยรอบปราสาทเขาวิหาร ต้องเสียอำนาจการปกครองและเสียดินแดนไปโดยปริยาย เพราะการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารไม่ใช่ขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวอาคารแต่หมายถึงอาณาบริเวณโดยรอบ ที่มีสิ่งสำคัญหลายจุดเช่นสถูปคู่ สระตราว ภาพแกะสลัก ซึ่งอยู่ในดินแดนของประเทศไทยเมื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว ก็จะตกเป็นของประเทศกัมพูชาด้วย
นางตรึงใจกล่าวต่อว่า จากที่ได้มีการหารือกันในคณะกรรมาธิการฯได้ให้ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ส.ว.สรรหา เป็นตัวแทนไปยื่นเรื่องต่อยูเนสโกเพื่อขอให้ทบทวนหรือชะลอการให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งการยื่นเรื่องดังกล่าวหากทางยูเนสโกรับไว้ คาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณา 2 ปี โดยอย่างน้อยจะได้ช่วยชะลอการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารได้ นางตรึงใจยังกล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมจะขอขึ้นทะเบียน สระตราวและบันได เป็นมรดกโลกด้วยเช่นกัน ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีการเปิดเผยถึงรายละเอียด โดยเฉพาะเรื่องแผนที่ทำให้ไม่ทราบว่าเรื่องดังกล่าวจะดำเนินการไปอย่างไร
ทั้งนี้นางตรึงใจยังได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มบุคลากรหน่วยงานโบราณคดีเพราะหน่วยงานดังกล่าวปัจจุบันมีคนน้อย อาจจะพิจารณายกฐานะเป็นกรม และอยากให้ผู้บริหารประเทศได้คิดเรื่องการบริหารจัดการศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นมรดกชาติ อย่างกรณีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ยูเนสโกจะพิจารณาถอนออกจากการเป็นมรดกโลกเนื่องจากพื้นที่โดยรอบมีการตั้งร้านค้าใกล้กับวัดทำให้ภูมิทัศน์เสียก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราต้องตระหนักถึงความสำคัญในเรื่อง
