“เอนก” จี้ “หมัก” ลาออกและให้พรรครวมใจไทยฯ ถอนตัว ชี้ “ระบอบทักษิณ” สิ้นสุดลงแล้ว ระบุกรณีขายเขาพระวิหารให้เขมรถือเป็นสุดสิ้นสุดความอดทน พร้อมให้ข้อคิดการชุมนุมครั้งนี้ชาวบ้านตื่นตัวสูงและรับรู้ข่าวสารอย่างดีรวมทั้งเป็นนิมิตรใหม่ที่กลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนออกมาแสดงออกทางการเมืองอย่างชัดเจน เตือนผู้นำกองทัพอย่าเสี่ยงตะแบงป้อง “หุ่นเชิด”
วันนี้ (21 มิ.ย.) นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตรองหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา กล่าวว่า ปรากฏการณ์ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เคลื่อนขบวนมาปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาลด้วยคลื่นมหาชนจำนวนมาก แม้รัฐบาลอยากจะปราบปราม แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่คิด และภาพของกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวานนอกจากจะสะท้อนทฤษฎีสองนัคราประชาธิปไตยแต่ก็มีอะไรที่เปลี่ยนไปมากเพราะประชาชนที่มาชุมนุมเป็นคนจากหัวเมืองใหญ่ๆ ที่มีการศึกษา ติดตามข่าวสาร ทีวี หนังสือพิมพ์ วิทยุ ขณะที่คนกรุงเทพฯ ดูเหมือนจะไม่ตื่นเต้นที่อยากจะมาร่วมชุมนุม เนื่องจากดูทีวีอยู่ที่บ้านแทน แต่ที่น่าสังเกตคือ มีชุมชนชาวจีนที่เยาวชน สำเพ็ง มาร่วมชุมนุม และบริจาคสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วย
นายเอนก กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้เห็นว่าระบอบทักษิณได้สิ้นสุดลงแล้ว และสิ่งที่รัฐบาลเผชิญอยู่ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะหาทางออกอย่างไร เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาไว้ให้ได้มากที่สุด แต่ถ้ารัฐบาลจะรักษาสถานภาพให้ทรงตัวคือ นายสมัคร สุนทรเวช ต้องลาออก แต่ถ้าไม่ลาออก นายนพดล ปัทมะ ต้องลาออกจากรมว.ต่างประเทศ และต้องยกเลิกมติที่ทำไว้ร่วมกับกัมพูชา เพราะไม่เข้าใจว่าเหตุใด นายนพดลถึงยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนประสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว แต่ถ้ารัฐบาลไม่ยอม สถานการณ์ก็จะลุกลามยิ่งขึ้น และต่อไปประชาชนก็จะหาวิธีถอดถอนนายกฯ นายนพดล และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ลงจากเก้าอี้ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล
นายเอนก ซึ่งเป็นนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ กล่าวอีกว่า อยากเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว โดยเฉพาะพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาซึ่งเป็นพรรคที่อยู่กับรัฐบาลอย่างเหนียวแน่น เพราะเชื่อว่า หากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาถอนตัว พรรคร่วมรัฐบาลอื่นก็พร้อมถอนตัวด้วย
นายเอนก กล่าวว่า กรณีประสาทเขาพระวิหารนั้นเป็นเรื่องใหญ่ทำให้กระแสของคนในหัวเมืองใหญ่ๆ ตื่นตัวมาก แม้ที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้อาจจะช้ากว่าคนกรุงในประเด็นความรู้สึกเรื่องการใช้อำนาจรัฐเพื่อพวกพ้อง แต่กรณีนี้เขาถูกสอนให้รักชาติ จึงเป็นเรื่องอ่อนไหว และหากทหารที่มีหน้าที่รักษาอำนาจอธิปไตย ถูกขอร้องจากรัฐบาลให้ช่วยพูดปกป้องเรื่องปราสาทเขาพระวิหารก็คงต้องคิดหนัก เพราะพูดไปทหารก็อาจสูญเสียความชอบธรรมของตัวเองได้
วันนี้ (21 มิ.ย.) นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตรองหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา กล่าวว่า ปรากฏการณ์ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เคลื่อนขบวนมาปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาลด้วยคลื่นมหาชนจำนวนมาก แม้รัฐบาลอยากจะปราบปราม แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่คิด และภาพของกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวานนอกจากจะสะท้อนทฤษฎีสองนัคราประชาธิปไตยแต่ก็มีอะไรที่เปลี่ยนไปมากเพราะประชาชนที่มาชุมนุมเป็นคนจากหัวเมืองใหญ่ๆ ที่มีการศึกษา ติดตามข่าวสาร ทีวี หนังสือพิมพ์ วิทยุ ขณะที่คนกรุงเทพฯ ดูเหมือนจะไม่ตื่นเต้นที่อยากจะมาร่วมชุมนุม เนื่องจากดูทีวีอยู่ที่บ้านแทน แต่ที่น่าสังเกตคือ มีชุมชนชาวจีนที่เยาวชน สำเพ็ง มาร่วมชุมนุม และบริจาคสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วย
นายเอนก กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้เห็นว่าระบอบทักษิณได้สิ้นสุดลงแล้ว และสิ่งที่รัฐบาลเผชิญอยู่ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะหาทางออกอย่างไร เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาไว้ให้ได้มากที่สุด แต่ถ้ารัฐบาลจะรักษาสถานภาพให้ทรงตัวคือ นายสมัคร สุนทรเวช ต้องลาออก แต่ถ้าไม่ลาออก นายนพดล ปัทมะ ต้องลาออกจากรมว.ต่างประเทศ และต้องยกเลิกมติที่ทำไว้ร่วมกับกัมพูชา เพราะไม่เข้าใจว่าเหตุใด นายนพดลถึงยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนประสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว แต่ถ้ารัฐบาลไม่ยอม สถานการณ์ก็จะลุกลามยิ่งขึ้น และต่อไปประชาชนก็จะหาวิธีถอดถอนนายกฯ นายนพดล และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ลงจากเก้าอี้ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล
นายเอนก ซึ่งเป็นนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ กล่าวอีกว่า อยากเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว โดยเฉพาะพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาซึ่งเป็นพรรคที่อยู่กับรัฐบาลอย่างเหนียวแน่น เพราะเชื่อว่า หากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาถอนตัว พรรคร่วมรัฐบาลอื่นก็พร้อมถอนตัวด้วย
นายเอนก กล่าวว่า กรณีประสาทเขาพระวิหารนั้นเป็นเรื่องใหญ่ทำให้กระแสของคนในหัวเมืองใหญ่ๆ ตื่นตัวมาก แม้ที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้อาจจะช้ากว่าคนกรุงในประเด็นความรู้สึกเรื่องการใช้อำนาจรัฐเพื่อพวกพ้อง แต่กรณีนี้เขาถูกสอนให้รักชาติ จึงเป็นเรื่องอ่อนไหว และหากทหารที่มีหน้าที่รักษาอำนาจอธิปไตย ถูกขอร้องจากรัฐบาลให้ช่วยพูดปกป้องเรื่องปราสาทเขาพระวิหารก็คงต้องคิดหนัก เพราะพูดไปทหารก็อาจสูญเสียความชอบธรรมของตัวเองได้
