ผู้นำฝ่ายค้าน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” แจงเหตุ ยื่นญัตติอภิปราย เพราะรัฐบาลบริหารงานล้มเหลว บางเรื่องส่อพฤติกรรมทุจริต จึงต้องท้วงติงก่อนประเทศเสียหาย ยันไม่คิดกดดันรัฐบาล แค่ทำตามหน้าที่ฝ่ายค้านที่ต้องตรวจสอบการทำงานรัฐบาลเท่านั้น
วันนี้ (16 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดย นายสรยุทธ สุทัศนจินดา ถึงสาเหตุที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องทำการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช และรัฐมนตรี 5-6 คน ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ ว่า เป็นเพราะนายสมัครได้ปฏิเสธอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะไม่มีการเปิดอภิปรายทั่วไปของสมาชิกรัฐสภา ตามมาตรา 179 ซึ่งถือเป็นแนวทางที่เปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาได้แสดงความคิดเห็น และให้รัฐบาลได้รับฟังความคิดเห็นต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้นำไปคลี่คลายปัญหา แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลมองไม่เห็นเจตนาดีของพรรคประชาธิปัตย์ เราจึงต้องนำไปสู่การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในที่สุด
อย่างไรก็ดี การยื่นอภิปรายในครั้งนี้ไม่ถือว่าเร็วเกินไป เพราะทุกวันนี้ก็เห็นว่าทุกอย่างเป็นวิกฤติไปหมด เช่นวิกฤติอาหารที่น่าจะเป็นโอกาสทองของประเทศไทย เพราะข้าวในตลาดโลกมีราคาสูงแต่ชาวนาไทยกลับขายข้าวได้ราคาต่ำ มิหนำซ้ำผู้บริโภคภายในประเทศก็ต้องซื้อข้าวในราคาแพง เป็นการบ่งบอกได้ชัดเจนว่า รัฐบาลชุดนี้แก้ปัญหาอย่างไม่มีทิศทาง และเกิดความล้มเหลวในการบริหารงาน
นอกจากนี้ การบริหารงานของรัฐบาลที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้บางเรื่อง เช่น โครงการเช่ารถโดยสารเอ็นจีวี 6,000 คัน รวมไปถึงกรณีเขาพระวิหาร ก็มีความไม่ชอบมาพากล ฝ่ายค้านจึงต้องยื่นอภิปรายในตอนนี้ เนื่องจากเราไม่อยากรอให้ความเสียหายเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยหยิบเรื่องขึ้นมาอภิปราย เพราะหากเกิดการทุจริต แล้วทำประเทศเสียหายขึ้นมามันไม่คุ้มเลย นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ยังมองว่า การยื่นอภิปรายครั้งนี้เป็นสิ่งที่ดี เพราะประชาชนจะได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง อีกทั้งยังถือเป็นรูระบายที่จะนำความขัดแย้งทั้งหลายมาพูดคุยหาข้อยุติด้วย
ผู้ดำเนินรายการถามว่า จริงหรือไม่ที่พรรคพลังประชาชน อ้างว่า พรรคประชาธิปัตย์ ดำเนินการกดดันรัฐบาลทั้งในสภา คือ การยื่นอภิปราย และนอกสภาก็ใช้กลุ่มพันธมิตรฯ กดดัน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะสิ่งที่เราทำก็ทำไปตามสภาพความเป็นจริงเมื่อรัฐบาลบริหารงานล้มเหลวก็จำเป็นที่เราต้องยื่นอภิปราย อีกทั้งหากพรรคประชาธิปัตย์ต้องการกดดันจริง เราคงไม่เสนอการปลดชนวนความขัดแย้งเรื่อง รธน.ตั้งแต่แรก ดังนั้น สิ่งที่เราทำทั้งหมดก็เพราะต้องการทำหน้าที่ฐานะฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล และปกป้องผลประโยชน์ของประเทศให้ดีที่สุด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า จากนี้ไปนอกจากจะหวังว่า ญัตติที่ทางพรรคยื่นไปจะได้รับการบรรจุและตอบสนองจากรัฐบาลแล้ว เรายังหวังว่า รัฐบาลจะหยุดพฤติกรรมโยนน้ำมันเข้ากองไฟ เพราะที่ผ่านมาจะเห็นว่า รัฐบาลเพิ่มปัญหาขึ้นมาอยู่ทุกสัปดาห์ เช่น สัปดาห์ที่ผ่านมา จู่ๆ ก็จะปิดสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี จนกลายเป็นการเพิ่มประเด็นความขัดแย้งขึ้นมาในสังคมอีก
