xs
xsm
sm
md
lg

“สมชาย” ยันไม่ยุบสภาหนี สุมหัว ส.ส.วัดกำลังขย่ม “หมัก”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมชาย วงศ์สวัสดิ์
“น้องเขยแม้ว” นั่งหัวโต๊ะเรียกประชุม ส.ส.สายเหนือ-อีสาน วัดกำลังขย่ม “หมัก” ที่เชียงใหม่ อ้างเปลี่ยนบรรยากาศการประชุม ยันไม่มียุบสภา หมดปัญญาเจรจาพันธมิตรฯ ยุติการชุมนุม

วันนี้ (10 มิ.ย.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงผลการประชุม ส.ส.กลุ่มอีสาน-เหนือของพรรคพลังประชาชนที่จังหวัดเชียงใหม่ว่าไม่สมกับความตั้งใจที่วางไว้ว่า เพราะสิ่งที่ตั้งใจไว้ คือ ส.ส.ไม่ค่อยได้ปรึกษาหารือกันมีประชุมน้อย ซึ่งพอใกล้เวลาเปิดประชุมสมัยวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรจะมีการพิจารณาเรื่องงบประมาณถือเป็นโอกาสที่ ส.ส.มีโอกาสที่เจอกัน และหารือเรื่องการบริหารการทำงานร่วมกันรวมถึงการบริหารความสามัคคีซึ่งกันและกัน ดังนั้น การสัมมนาครั้งนี้ไม่ได้เชิญเพียง ส.ส.เท่านั้น ยังมีการเชิญวิทยากรที่ทรงคุณวุฒิ เช่น สำนักงบประมาณ จะอธิบายเรื่องการทำงบประมาณเป็นอย่างไร การอนุมัติและการจัดของบประมาณว่าต้องมีขึ้นตอนอย่างไร รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านบุคลิกภาพเพื่อพัฒนาเรื่องการวางตัวในขณะที่ขึ้นเวทีปราศัยต้องทำอย่างไร

นายสมชาย กล่าวต่อว่า วันที่ประชุมใหญ่ก็ประชุมร่วมกันทั้งหมดแต่ครั้งนี้บังเอิญว่า ส.ส.หลายท่านคิดว่าน่าจะมีการประชุมนอกพื้นที่บ้างจึงเลือกที่จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่ม ส.ส.เหนือยังไม่ได้ไปไหนจึงตกลงเลือกจังหวัดเชียงใหม่เป็นหลัก ซึ่งปกติจะประชุมในส่วนของภูมิภาคได้แล้วจึงมารวมกลุ่มหารือที่กรุงเทพมหานครก็ได้ แต่ครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการประชุม และเรื่องที่มีการแยกโต๊ะรับประทานอาหารกันจริงๆ ไม่มีอะไร แต่พอวันที่ 2 ก็มีการรวมโต๊ะกันเหมือนเดิมและสังสรรค์กันไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่ทำอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่ใช่เป็นการวัดพลังของกลุ่ม ส.ส.อีสานใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ทำไมต้องไปวัดพลังที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย แต่เพื่อรวมพลังไม่ใช่ไปวัดพลัง รวมพลัง ส.ส.ของทั้งสองภาคนี้ เมื่อถามว่าหากมีเหตุให้ต้องยุบสภาได้หารือกันในที่ประชุมหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ส.ส.กับการเลือกตั้งเป็นของคู่กันแต่เรื่องยุบสภายืนยันว่าไม่มี ถามต่อว่าแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีการยุบสภา นายสมชาย กล่าวว่า เรื่องยุบสภาต้องถามนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้มีม๊อบจากลุ่มต่างๆ เริ่มเคลื่อนตัวได้มีการหารือกันในที่ประชุมหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เรื่องม๊อบตนเคยเรียนว่าต้องทำความเข้าใจกันด้วยเหตุผล แต่ตนเชื่อว่าประชาชนเข้าใจและเลือกที่จะรับฟังและใช้วิจารณญาณว่าเชื่ออะไรไม่เชื่ออะไร คงต้องดูจากพฤติกรรมความเหมาะสมมากกว่า หากให้ความสำคัญของกลุ่มนั้นกลุ่มนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่แต่คิดว่าคน 60 ล้านคนฟังอยู่ทุกวันเพราะสื่อมวลชนสะท้อนให้เห็นทุกวันว่าอะไรเป็นเหตุเป็นผล หากเรื่องที่ไม่มีเหตุผลประชาชนคงไม่เอา แต่อะไรมีเหตุผลประชาชนก็ต้องฟังเพราะเป็นเรื่องระบอบประชาธิปไตยทุกคนต้องมีสิทธิแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบ้านเมืองร่วมกัน คงไม่ให้คน 3-4 กลุ่มมากำนหดอนาคตบ้านเมืองคงไม่ใช่เพราะประชาชนสำคัญที่สุด

เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาร่วมกันขณะนี้จะส่งผลในการกดดันการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า หากกลุ่มใดมีปัญหาทางรัฐบาลก็รับฟังอยู่แล้วและมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถทำได้อย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้าว พืชผลเกษตรต่างๆ ด้วย ถามต่อว่ามีกระแสข่าวว่ากลุ่มทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเคลื่อนม็อบเข้ามาเพื่อปะทะกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตรงนี้จะมีการป้องกันอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกันแต่อย่างใด ตนจึงอยากใช้การแสดงความคิดเห็นมากกว่าเพื่อประชาชนรับฟังและตัดสิน แต่อย่าละเมิดสิทธิผู้อื่นและละเมิดกฎหมาย แต่ตนคิดว่าการปะทะกันคงไม่มี แต่บางครั้งการแสดงอารมณ์อาจเกิดขึ้นได้ ต้องใช้สิทธิของตนเองอย่ารุกรานสิทธิผู้อื่น

เมื่อถามว่า หากมีการประกาศที่จะเป็นกบฏต่อบ้านเมืองนั้นจะเป็นอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า การประกาศที่จะเป็นกบฏต่อบ้านเมืองทำไม่ได้ ซึ่งจะมีผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษและจะเป็นปัญหาขึ้นมาเพราะทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายผู้รักษากฎหมายก็มีอยู่ ซึ่งบ้านเมืองต้องอยู่ด้วยกฎหมาย

ส่วนเรื่องการชุมนุมมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยังคงยืดเยื้ออยู่ในขณะนี้นั้น นายสมชาย กล่าวว่า ตนก็พยายามแล้วซึ่งตนก็อยู่ตรงนั้นเช่นกันจึงทำให้การเดินทางไม่สะดวก จึงอยากฝากให้ผู้ใหญ่ที่อยู่ช่วยดูแลและแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยแต่อย่าละเมิดสิทธิผู้อื่น ซึ่งทุกอย่างอยู่ในความดูแลของรัฐบาลหากจะทำอะไรที่คุ้มครองสิทธิผู้อื่นกลายเป็นว่ารัฐบาลใช้ความรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลคิดอยู่ทุกวันและนายกรัฐมนตรีคิดอยู่ทุกวันคงต้องขอความเห็นใจจากทุกฝ่ายว่า รัฐบาลไม่ดีตรงไหนอย่างไรก็บอก หรือจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาก็ได้ ตนคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่รัฐบาลต้องรับฟัง
กำลังโหลดความคิดเห็น