พันธมิตรฯ ประสานเสียงโต้ “สนทนาประสาหมัก” “จำลอง” ผิดหวังพูดถึงพันธมิตรฯ น้อย เชื่อได้บทเรียนปากพล่อยสลายชุมนุม จน ปชช.ออกมามาก ขณะเดียวกัน หมดปัญญาโกหก เพราะ ปชช.เลิกเชื่อถือรัฐบาลแล้ว ด้าน“สมศักดิ์”จวกรู้ไม่จริง อ้างเป็นรัฐบาล ปชต.แต่ไม่ทำตามนโยบายที่แถลง มีค่าเท่ากับเผด็จการ สมควรโดนไล่ “สมเกียรติ”สวน บิดเบือนคำสั่งศาลที่ให้เอเอสทีวีชนะคดี แต่กลับบอกแค่คุ้มครอง แฉเหตุต้องด่าเอเอสทีวีทุกสัปดาห์เพราะกลัวประชาชนรู้ทัน “พิภพ”ชี้ “หมัก”จอมเฉไฉ ข้อเสนอ 4 อดีตนายกฯ ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ สะท้อนสังคมไม่ไว้ใจสมัคร เชื่อยังทนอยู่เพื่อรอเซ็นเมกะโปรเจกต์
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง เหล่าแกนนำพันธมิตรฯให้ความเห็น
วันนี้ (8 มิ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อตอบโต้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ได้กล่าวพาดพิงถึงพันธมิตรฯ ในรายการ"สนทนาประสาสมัคร" ในช่วงเช้าที่ผ่านมา โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เท่าที่ฟังนายสมัครพูดรู้สึกผิดหวัง ที่พูดถึงพันธมิตรฯ น้อย เพราะเมื่อพูดอะไรถึงเราก็ถูกตอกกลับไปทุกที ขณะเดียวกันก็หมดปัญญาจะโกหกประชาชนแล้ว ที่ถามเราว่าแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คนเป็นใคร มาสั่งให้รัฐบาลทำโน่นทำนี่ ขอยืนยันว่าเราทั้งหมดเป็นประชาชน เป็นเจ้าของบ้านเจ้าของประเทศ แต่พวกนักการเมืองเป็นลูกจ้าง ที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชน ให้มาแก้ปัญหาประเทศชาติ แต่ 4 เดือนที่ผ่านมา ไม่ได้ดูแลแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนเลย เราบอกให้ดูแลปัญหาปากท้องของประชาชนก็ไม่ดู แต่กลับมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฟอกผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และตัวเอง เราเตือนรัฐบาลมานานแล้วไม่ใช่เพิ่งมาเตือน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเจ้าของบ้าน ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อพิทักษ์รักษา ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
“วันนี้ผิดหวังที่หัวหน้ารัฐบาลพูดน้อย เพราะ ไม่มีอะไรจะโกหกต่อไป พูดจนไม่มีใครเชื่อถือ เราจับได้ทุกที มาโกหกเรื่องเก่าๆ คนจึงไม่สนใจ ขณะเดียวกัน ตอนนี้เขาก็ยังคิดอะไรไม่ออกว่าจะทำยังไงกับเรา น่าเห็นใจเขานะครับ เพราะได้บทเรียนไปว่ายิ่งว่าเราหนัก คนยิ่งมามาก เขารู้แล้ว เค้าจึงต้องเลี่ยงไปไม่พูดถึงเรามาก” พล.ต.จำลองกล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า เมื่อได้ฟังรายการสนทนาประสาสมัครแล้ว เห็นว่าไมได้อะไร และดีใจที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยฟัง เพราะฟังไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร
นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณี นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เสนอให้ 4 อดีตนายกฯ เป็นตัวกลางในการสมานฉันท์ระหว่างพันธมิตรฯ กับรัฐบาลว่า เรื่องที่เกิดขึ้นก็ต้องช่วยกันหาทางออกและเป็นเรื่องดีที่หลายฝ่ายพยายามหาทางออกแต่ก็ต้องดูว่าทางออกนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะให้เกิดผลสำเร็จได้หรือไม่ ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวตนเพียงลำพังไม่สามารถตอบได้ ซึ่งจะต้องนำเรื่องนี้ หารือต่อที่ประชุมสองส่วนคือ 5 แกนนำ และที่ประชุมผู้ร่วมชุมนุม เพราะการชุมนุมของเราก็มีเป้าหมายเพื่อรักษาไว้ซึ่ง 3 สถาบันของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
พล.ต.จำลอง ยืนยันว่า หากแม้รัฐบาลจะไม่ยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญ ในการประชุมสภาวันที่ 9 มิถุนายน ก็ตามแต่หากรัฐบาลไม่ยอมลาออกการเคลื่อนไหวของพันธมิตรที่มีเงื่อนไขสองข้อคือให้รัฐบาลลาออกและไม่ให้ยื่นญัตติพันธมิตร ก็ไม่ยุติการชุมนุม การลาออกก็ไม่ใช่เรื่องเฉพาะนายสมัครลาออกและเปลี่ยนนายกฯแต่การลาออกมีความหมายรวมถึงรัฐบาลทั้งคณะไม่ใช่เฉพาะคนใดคนหนึ่งเท่านั้น
**"สมศักดิ์"แฉ"หมัก"ไม่รู้จริง
ด้าน นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ที่นายสมัครอ้างว่าอยู่ในตำแหน่งได้เกิน 3 เดือน และมีผลงานมากมายนั้น ผลงานที่เอามาพูดส่วนใหญ่คือการประชุม และเรื่องที่เอามาพูดก็มีแต่เรื่องของตัวเอง ไม่พูดเรื่องตามคนทุจริตมาลงโทษ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศขณะนี้ แต่กลับไปลงโทษคนที่ทำงานนี้ เช่น ไปแจ้งจับนายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า บางเรื่องที่นายสมัครพูดนั้น นายสมัครไม่รู้จริง เหมือนมีคนเขียนให้พูด เช่น เรื่องรางรถไฟ และการจะเอาเอกชนเข้ามาทำ ทั้งที่ทั่วโลกที่เคยให้เอกชนทำเขาซื้อคืนมาเป็นของรัฐแล้ว ตนเป็นรองประธานสหพันธ์แรงงานรถไฟโลก ถ้านายสมัครอยากรู้อะไรให้มาถาม เพราะเวลาพูดนายสมัครเหมือนเก่ง ตนก็เคยหลงเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาแล้ว แต่พอเข้าไปก็ทำเป็นแต่กับข้าว หรือบางเรื่องก็พูดภาษาอังกฤษโดยไม่จำเป็น เช่น เอาข้าวเก่ามาผสมกับข้าวใหม่ ภาษาอังกฤษว่า blend ซึ่งนายสมัครไม่จำเป็นต้องพูด แต่ที่พูดคงเพราะมีปมด้อยที่พูดอังกฤษไม่เก่ง
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงตอบจดหมายนั้นก็มีการแกล้งให้คนเขียนจดหมายมาด่าพันธมิตรฯ ด่าเอเอสทีวี กล่าวหาว่าทำให้ชาติเสียหาย ทั้งที่คนที่ทำให้ชาติเสียหายคือตัวเอง ที่ไม่ได้ทำตามมาตรา 78 ของรัฐธรรมนูญ
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า คนไทยทั้งประเทศเสียหายที่มีนายกฯ ทำตัวไม่เป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะเรื่องโกหก ต้องยอมรับว่า นายสมัครควรไปเป็นนายกสมาคมเด็กเลี้ยงแกะนานาชาติ วันนั้นเขาบอกว่าจะต้องจัดการกับการชุมนุมขั้นแตกหัก เตรียมการไว้แล้ว มาวันนี้บอกไม่ได้เตรียมอะไร คงเป็นเพราะเห็นคนกล้าท้าทายจำนวนมาก จึงไม่แปลกที่เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ นานมาแล้วนายสมัครกล้าโกหก เพราะขนาดเหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ ยังกล้าโกหกได้
ส่วนที่นายสมัครตอบคำถาม ที่ว่าทำไมพันธมิตรฯ ไม่ต่อต้านตอนมีรัฐบาลเผด็จการ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายสมัครคงคิดว่าเขาเป็นประชาธิปไตยแล้ว เพียงแค่มาจากการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่นายสมัครไม่กล้าเถียง คือ ได้บริหารบ้านเมืองตามที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ ตามมาตรา 75 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งนายสมัครไม่ได้ทำ จึงเป็นการยืนยันว่า เป็นรัฐบาลเผด็จการรัฐสภาทุนสามานย์ แถลงนโยบายไม่มีบอกตรงไหนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็แก้ และยังยอมรับว่าเป็นนอมินี ทั้งที่ตามกฎหมายนั้น นายกฯ ต้องทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน แต่รัฐบาลนี้เข้ามาก็แก้ไขรัฐธรรมนูญเลย มีการโยกย้ายข้าราชการ แจ้งจับคนที่ทำงานเพื่อประเทศชาติ เช่นนายสุนัย มโนมัยอุดม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เลขาธิการ อย.เป็นต้น
ดังนั้น ที่ประชาขนออกมาต่อต้านรัฐบาลชุดนี้ เพราะรัฐบาลไม่ได้ทำตามนโยบายที่แถลงต่อสภา รัฐบาลแบบนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย นอกจากนี้ การเลือกตั้งก็เห็นว่านายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้รับใบแดง แสดงว่าได้รับเลือกตั้งด้วยวิธีการที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ศาลเคยพิพากษายุบพรรคไทยรักไทยแล้วว่าเป็นการได้อำนาจรัฐมาโดยวิธีการที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย โดยละเมิดสิทธิมนุษยชน เมื่อพรรคพลังประชาชน คือไทยรักไทยเดิม และคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พรรคพลังประชาชนจึงทำทำทุกอย่างเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น ไม่ใช่ทำเพื่อประเทศชาติ
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นายสมัครชอบพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณถูกแกล้ง และอ้างว่าศาลคุ้มครองเอเอสทีวี คล้ายๆ กับบอกว่าศาลกลั่นแกล้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งแสดงว่าว่า นายกฯ คนนี้ทำเพื่อคนคนเดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 69 นั้น ให้บุคคลมีสิทธิที่จะต่อต้านโดยสันติต่อการได้มาซึ่งอำนาจโดยไม่เป็นไปตามวิถีทางตามรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องบริหารประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ยังเป็นปัญหาของประเทศ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราทำตามรัฐธรรมนูญ แล้วเขาจะมาปราบปราม พอปราบปรามไมได้ ก็บอกยังไม่ได้พูด เพราะฉะนั้น จึงอยากให้ประชาชน 14 ล้านคนที่ดูเอเอสทีวี ให้ออกมาขับไล่รัฐบาลร่วมกัน รัฐบาลนี้จะหนีหางจุกตูดทันที รัฐธรรมนูญนี้มีประชาชน 14.7 ล้านคนเห็นชอบ เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน ไม่ใช่ของเผด็จการ
แต่เขานำไปบิดเบือน
นายสมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า รายการสนทนาประสาสมัครสมัคร เป็นรายการที่เปลืองเนื้อที่ สู้เอาเวลาไปให้เด็กอนุบาลมาพูดเรื่องเด็กๆ ยังมีประโยชน์กว่าเอานายกฯ มาพูดเรื่องไร้สาระ
**"สมเกียรติ"จวก"หมัก"บิดเบือนคำสั่งศาล
ขณะที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า นายสมัครยังคงไม่ทิ้งนิสัยที่ชอบดูถูกคนอื่น โดยในรายการวันนี้ตอนหนึ่งนายสมัครได้พูดถึงการที่ กรุงเทพมหานครทำรั้วกั้นริมบึงใกล้การเคหะแห่งชาติว่าเป็นการทำอะไรโง่ๆ ตนคิดว่าวันนี้นายสมัครจะสุภาพเรียบร้อย แต่ก็ยังไม่วายต่อว่าคนอื่น
ส่วนเรื่องพันธมิตรฯ นั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า นายสมัครได้อ้างว่าพูดถึงเรื่องนี้แค่นิดเดียว เท่ากับลืมว่าตัวเองเคยพูดคำว่าแตกหัก แล้วโฆษกพรรคก็บอกว่าจะมีการสลายการชุมนุม พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ก็บอกว่าจะให้ ผบ.ทบ.เซ็นเพื่อจัดการสลายการชุมนุม แต่มาตอนนี้ เมื่อมีคนถามย้ำว่าจะจัดการขั้นเด็ดขาดอย่างไร นายสมัครก็ไม่กล้าตอบ เพราะทำไม่ได้แล้ว
ส่วนที่มีคำถามถึงนายสมัครว่า เมื่อไหร่ จะปิดเอเอสทีวี โดยนายสมัครอ้างว่า เอเอสทีวีด่ารัฐบาล 24 ชั่วโมง แต่ยังอยู่ได้ เพราะศาลปกครองคุ้มครองอยู่นั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า นายสมัครพูดคำว่า เอเอสทีวีอยู่ได้เพราะศาลให้ความคุ้มครองถึง 6 ครั้ง เป็นการบอกเป็นนัยว่า เอเอสทีวีอยู่ได้เพราะศาลคุ้มครอง ซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่ เพราะกรณีนี้ศาลปกครองได้มีคำพิพากษาแล้ว
กรณีนี้ กรมประชาสัมพันธ์สั่งให้ กสท ระงับคลื่นดาวเทียมของเอเอสทีวี เมื่อครั้งพันธมิตรฯ ออกมาขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เอเอสทีวีจึงได้ได้ฟ้องกรมประชาสัมพันธ์ และยื่นคำร้องต่อศาลปกครองให้คุ้มครองการออกอากาศไปก่อน แต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ศาลมีคำสั่งให้ เอเอสทีวีชนะคดี และพิพากษาให้ กสท.จ่ายค่าเสียหาย 1 แสนบาท เพราะ กสท.ไม่มีอำนาจในการตัดคลื่น นี่คือคำพิพากษาของศาล แต่นายสมัครกลับบอกว่าศาลคุ้มครองๆ คล้ายกับบอกว่าเพราะศาลนี่เองที่เอเอสทีวีอยู่ได้ เหมือนกับนายสมัครกำลังคิดอะไร
สำหรับข้อกล่าวหาที่ว่า เอเอสทีวี ปลุกระดมนั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า ก็เพราะรัฐบาลกลัวเอเอสทีวี ที่มีคนหันมาดูกันมากขึ้น และรัฐบาลกลัวความจริงจะปรากฏ
ส่วนกรณีที่ กลุ่มพันธมิตรฯ ที่อุดรธานี ถูกกลุ่มคนรักอุดรขับไล่นั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า เรื่องนี้ นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ ซึ่งเป็นพันธมิตรอุดรธานีมานาน ได้ออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล แต่มีกลุ่มดีเจวิทยุคนรักอุดร นำโดยนายขวัญชัย ไพรพนา ออกมาปลุกระดมให้ขับไล่พันธมิตรฯ มาโดยตลอด เมื่อครั้งที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ไปประชุมสัมมนาที่อุดรธานี ก็มีการปลุกระดมให้คนมาข่มขู่ขับไล่ ดังนั้นจึงขอให้กำลังใจพันธมิตรอุดรธานี ถ้าไม่มีกำลังพอให้ขอกำลังการ์ดพันธมิตรฯ ไปช่วย
นายสมเกียรติ กล่าวว่า พันธมิตรฯ จัดชุมนุมใน 75 จังหวัดทำได้หมด มีอุดรธานีที่เดียวที่มีคนมาไล่ ที่นายสมัครเอาเรื่องนี้มาพูด ก็เพื่อจะบอกว่า ยังมีคนออกมาช่วยเขา ทั้งที่มีแค่จังหวัดเดียว
นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนคิดว่านายสมัครจะเลิกด่าคนอื่นแล้ว แต่ก็ยังด่าคนอื่นว่าโง่ และรายการวันนี้ใช้เวลา 1 ใน 7 ในการด่าเอเอสทีวี เพราะว่าขณะนี้ประชาชนรู้ทันพวกเขา เมื่อก่อนต้องใช้หนังสือ “รู้ทันทักษิณ” แต่ตอนนี้มีเอเอสทีวีที่ทำให้ประชาชนรู้ข้อมูลกว้างขวางขึ้น
นายสมเกียรติกล่าวต่อว่า นายสมัครได้หยิบจดหมายมาอ่านบอกว่า บ้านเมืองกำลังเดินไปได้ดี ม็อบทำบ้านเมืองพินาศ ก็ไม่รู้ว่าไปเอาจดหมายมาจากไหน เราอยากจะบอกว่า บ้านเมืองกำลังไปได้ดี คือ มีการขึ้นราคาน้ำมันจนไม่มีเพดาน ขึ้นราคาน้ำตาลครั้งเดียว 5.35 บาท กดราคารับซื้อข้าวเปลือกแล้วเพิ่มราคาข้าวสาร 167 % ค่ารถโดยสารขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ นี่หรือที่ว่าบ้านเมืองกำลังไปได้ดี ราคาหอมกระเทียมในภาคเหนือก็ตกต่ำ เพราะทักษิณไปเซ็นเอฟทีเอกับจีน คนรักทักษิณไปจัดปราศรัยที่ภาคเหนือ มีคนฟัง 300 คน แล้วหายไปเหลือ 50 คน นี่หรือที่ว่าบ้านเมืองไปได้ดี ผลงานของรัฐบาลนี้ก็คือการย้ายข้าราชการและตำรวจที่เป็นปฏิปักษ์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น จนไม่รู้ว่าตอนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นของใครกันแน่
**จับตาเพิ่มงบฯ เมกะโปรเจกต์
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า นายเสนาะ เทียนทอง เคยยอมรับในหนังสือรู้ทันทักษิณว่า รัฐบาลทักษิณเวลาเขียนโครงการก็จะเพิ่มงบประมาณขึ้นไปอีก 10 เปอร์เซ็นต์เพื่อเอาเงินเข้าพรรค ถ้าใครสงสัยให้ไปถามคุณหญิงคนหนึ่งได้ วันนี้นายสมัครพูดถึงเมกะโปรเจกต์ หรือที่นักวิชาการบางคนแปลว่า “โครงการแดกกันฉิบหาย” เป้นโครงการรถไฟฟ้าสายหนึ่งมูลค่า 5.2 หมื่นล้าน จะเพิ่ม 7.7 หมื่นล้านบาท หรือ 47 เปอร์เซ็นต์ กำลังจะเอาเข้าครม. เพราะฉะนั้นให้จับตา กระทรวงนี้ เพราะขนาดเพิ่มงบฯ 10 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังทำความเสียหายมากแล้ว แต่โครงการนี้เพิ่มถึง 47 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ นายสมเกียรติยังตั้งข้อสังเกต ที่นายสมัครบอกว่าจะย้ายสลัม 1,700 แห่ง ออกไปอยู่นอกกรุงเทพ เพื่อสร้างตึก จึงอยากให้พี่น้องชาวสลัม โดยเฉพาะเครือข่ายสลัม 4 ภาค พิจารณาดูว่าจะกำหนดท่าที เพราะนายสมัครมีแนวคิดจะกวาดกรุงเทพ แทนที่จะเพิ่มต้นไม้ และให้ชุมนุมอยู่ได้ แต่กลับมองสลัมเป็นขยะ ที่จะกวาดออกไป ให้คนจนไปอยู่นอกเมือง
นายสมเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายว่า นายสมัครต้องด่าเอเอสทีวีทุกสัปดาห์ เพราะเขารู้ว่า มีคนดูเพิ่มขึ้นทุกวันจาก 10 ล้านเป็น 14 ล้าน จนปริมาณจานดาวเทียมขายหมดเกลี้ยง ถือเป็นการตื่นขึ้นของพลังทางศีลธรรม เพราะประชาชนต้องการดูทีวีช่องที่ให้ความจริงกับประชาชนมากที่สุด เพราะฉะนั้น 1 ชั่วโมงที่นายสมัครจัดรายการจึงมีค่าน้อยกว่ารายการของเอเอสทีวีเพียง 1 นาที การงดฟังรายการของนายสมัครถือเป็นมงคลอย่างยิ่ง
**“พิภพ”จวก “หมัก”จอมเฉไฉ-ไร้ความชอบธรรมเป็นนายกฯ
ด้านนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า จากคำพูดของนายสมัครในวันนี้แสดงให้เห็นว่า นายสมัครไม่เข้าใจและชอบพูดเฉไฉบิดเบือน โดยเฉพาะในประเด็นที่อ้างถึงนายสุขุม นวลสกุล ที่ว่าบอกว่าให้เอาอดีตนายกรัฐมนตรี คน เข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ทางการเมือง และนายสมัครไม่เห็นด้วย โดยอ้างว่าจะช่วยอะไรไม่ได้ และมีนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันดูแลอยู่ พร้อมกับทีมงาน ครม. 35 คนที่ตัดสินใจร่วมกัน แล้วยังบอกว่ายกเว้นทางเรื่องที่ต้องทำคนเดียวเช่นเข้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นการพูดที่เฉไฉ
นายพิภพ กล่าวว่า การเสนอให้ 4 อดีตนายกฯ เข้ามาช่วย รวมถึงข้อเสนอในการตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น แสดงว่าเขาไม่มั่นใจในตัวนายสมัครว่าจะแก้ไขสถานการณ์ได้ เมื่อวันเสาร์ที่แล้วนายสมัครประกาศว่าจะสลายการชุมนุม แต่แล้วก็ทำไม่ได้ และยังอ้างว่าในการทำงานมีการตัดสินใจร่วมของคน 35 คน แต่กรณีการจะสลายการชุมนุมนั้น นายสมัครตัดสินใจคนเดียว จน 4 พรรคร่วมรัฐบาลไม่พอใจ
นายพิภพกล่าวต่อว่า สถานการณ์ในขณะนี้นายสมัครไม่มีอำนาจที่จะสั่ง ครม. หรือสั่ง ส.ส.ได้ นายสมัครจึงถอน การเป็นเจ้าภาพแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เขาลืมไปว่าเขาเป็นหัวหน้าพรรค ถ้าไม่มีนโยบายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำไมไม่สั่งลูกพรรค ซึ่งแสดงว่านายสมัครไม่อยู่ในฐานะที่จะบริหารได้ ทำอะไรก็คิดคนเดียว สั่งลูกพรรคไม่ได้ บรรดาผู้รู้ หรือนักวิชาการจึงออกมาบอกว่า นายสมัครไม่สามารถบริหารได้
แนวทางดังกล่าว จึงเป็นการสนับสนุนพันธมิตรกลายๆ ว่า นายสมัครไม่เหมาะสมจะเป็นนายกฯ มีการขู่สลายการชุมนุม เป็นนอมินีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่ง กกต.สรุปแล้วว่า พรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีไทยรักไทย เพราะฉะนั้นนายสมัคร และพรรคพลังประชาชนควรจะออกจากรัฐบาล เพราะจริงๆ แล้วพรรคนี้ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ ต้องไปอาศัยอีก 5 พรรคจึงตั้งรัฐบาลได้ ซึ่ง 5 พรรคนั้น เดิมก็ไม่ได้บอกว่าจะร่วมรัฐบาล แต่มีข่าวลือว่ามีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องจึงเข้าร่วม เพราะฉะนั้นนายสมัครจึงไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกฯ พรรคพลังประชาขนก็ไม่ควรมีความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่ไปได้
อย่างไรก็ตาม นายพิภพ กล่าวว่า นายสมัครเองกังวลว่าจะจบชีวิตการนายกฯ ไม่สวย แต่มีเครื่องมือที่จะขู่ ส.ส.ได้คือ การยุบสภา แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นทุกที ไม่สามารถแก้สถานการณ์ได้ การที่มีข้อเสนอให้ 4 อดีตนายกฯ เข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ จึงเป็นการดิสเครดิตนายสมัครด้วย
**จับตา “หมัก”เซ็นเมกะโปรเจกต์
นายพิภพ ตั้งข้อสังเกตอีกว่า การพูดของสมัครเมื่อเช้านี้ น้ำหนักอยู่ที่เมกะโปรเจกต์ เป็นที่รู้กันว่า โครงการก่อสร้างต่างๆ นั้น สิ่งที่ได้คือเปอร์เซ็นต์ที่อยู่ข้างหลัง ทำไมนายสมัครจึงพูดเป็นพิเศษ นายสมัครกำลังจบชีวิตการเมืองที่เมกะโปรเจกต์ เชื่อว่าหลังจากนี้จะพูดเรื่องนี้บ่อยๆ เพื่อให้ประชาชนยอมรับ เพราะว่ามือขวามือซ้ายของนายสมัครที่เอาเข้ามาทำงาน จะบริหารเรื่องนี้ได้ดี โครงการเมกะโปรเจกต์เหล่านี้ ถ้าสำเร็จและลงนามก่อสร้างเมื่อไหร่นายสมัครจะนับถอยหลังการเป็นนายกฯ ทันที เรื่องนี้มีอะไรทอยู่เบื้องหลัง มีเปอร์เซ็นต์หรือไม่ เพราะมาทั้งทีคงต้องติดไม้ติดมือไปบ้าง ต้องติดตามดูว่ามีการคอร์รัปชั่นหรือไม่
ส่วนกรณีการย้ายสลัม นายพิภพกล่าวว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า นายสมัครไม่เจ้าใจเรื่องสลัม คิดว่าคนสลัมผูกพันกับโรงงานอย่างเดียว เมื่อย้ายโรงงานก็ย้ายสลัมตามไป ทั้งที่มีโครงการที่คนสลัมสามารถอยู่ในเมืองได้ เช่น โครงการที่ทำกับการรถไฟ เพราะคนสลัมคนหนึ่งต้องการที่ดินแค่ 10 ตารางวา ไม่มากมาย ขณะที่ที่ดินสลัมทั้งหมดมี 9 แสนไร่ ที่ควรจะนำมาบริหารจัดการ แต่ไม่ทำ
การย้ายสลัมออกไป จะทำลายความเป็นอยู่ของชาวสลัม เพราะเขาอยู่กับอาชีพอื่นๆ ที่ไม่ใช่โรงงานด้วย แสดงว่านายสมัครไม่สนใจชีวิตคนจน จะย้ายไปอย่างไรก็ได้ เรื่องนี้จะสัมพันธ์กับเมกะโปรเจกต์ที่ต้องใช้ที่ดินนี้
“ผมให้ข้อสังเกตกับคุณสมัครในเรื่องเมกะโปรเจกต์เป็นพิเศษ เพราะมันมีงบฯ มาก มีเรื่องเปอร์เซ็นต์เข้ามาเกี่ยวข้อง นี่เป็นวัฒนธรรมของนักการเมืองไทย คือเมื่อได้ตำแหน่งแล้วงก็จะรอเซ็นโปรเจกต์ต่างๆ ก่อนแล้วค่อยไป”
นายพิภพกล่าวต่อว่า นายสมัครไม่ได้ปกป้องโครงการโรงงานยา ของหมอวิชัย โชควิวัฒน์ ที่จะทำให้ยาราคาถูก ไม่ทำเพื่อคนจน เพราะมัวคิดแต่เรื่องโปรเจกต์ใหญ่ๆ นายสมัครไม่สามารถจัดการกับวิกฤติต่างๆ ได้ ไม่ใช่เฉพาะกับพันธมิตร แต่เป็นเรื่องอื่นๆ ด้วย สังคมไทยควรจะมีปฏิกิริยากับนายสมัครตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้ว ประชาชนควรจะรวมศูนย์ขับไล่ให้นายสมัครลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ถ้าเป็นในต่างประเทศ หากนายกฯ ไม่สามารถจัดการกับรัฐมนตรีที่ทำผิด หรือบริหารจัดการไมได้ จะต้องลาออกไปแล้ว