อดีต สนช.แฉหมักหูเบา เชื่อข้อมูล “ส.ส.พลังแม้ว-กลุ่มเนวิน” เกี่ยวกับผู้ชุมนุมผิดพลาด คำสั่งสลายม็อบจึงถูกยับยั้ง ทหาร-ตร.ไม่เล่นด้วย ชี้ขณะนี้ทั่วโลกกำลังจับตา รบ.ใช้กำลังสลายม็อบ ละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่แตกต่างจากพม่า ย้ำนายกฯ ไม่มีความชอบธรรม สลายการชุมนุม ปชช.ฟ้องถอดถอนได้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายไพศาล พืชมงคล ปราศรัย
วันนี้ (1 มิ.ย.) นายไพศาล พืชมงคล อดีตสภานิติบัญญัติแหล่งชาติ (สนช.) กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะใช้กำลังทหารและตำรวจ เข้าสลายการชุมนุมว่า เรื่องนี้นายสมัครถูกสั่งให้ทบทวนและยั้บยั้งจึงทำให้ไม่มีการสลายการชุมนุม เพราะข้อมูลที่นายสมัครได้รับคลาดเคลื่อน จาก ส.ส.กลุ่มอีสานใต้ที่สนิทสนมกับ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารไทยรักไทย ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีไม่กี่พันคน ส่วนใหญ่รับจ้างมา ไม่มีอุดมการณ์ พวกที่ว่าเข้ามาจากต่างจังหวัดก็เป็นคนในกรุงเทพฯ ทั้งนั้น ทั้งนี้ ทหารและตำรวจไม่มีใครต้องการให้เกิดการนองเลือด หรือเข่นฆ่าประชาชน จึงไม่เอาด้วยกับคำสั่งสลายม็อบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกยับยั้งก็ต้องหาทางออกโดยการโยนความผิดให้คนอื่น อย่างที่บอกว่าสำนักกฎหมายแถวบางโพ เป็นสถานที่เก็บระเบิดก็เป็นเรื่องไม่จริง สำนักงานที่ว่าน่าจะอยู่ใกล้ๆ พรรคพลังประชาชนมากกว่า เพราะแถวบางโพมีแต่สำนักงานบัญชี ไม่รู้เรื่องการเมือง มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น แค่นี้ก็ผิดแล้ว ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าเมื่อวานนี้ นายกฯ เอาจริงไม่ได้พูดเล่น เพราะเป็นความคุ้นเคย ภาพเงาเดือนตุลายังติดอยู่ ใครพูดอย่างไรก็เชื่อไว้ก่อน แต่พอเอาจริงไม่มีใครเอาด้วย การสลายการชุมนุมจึงต้องล้มเลิกไป
อดีต สนช.ยังให้ความเห็นว่า หากนายกฯ จะสลายการชุมนุม นายกฯ ก็จะสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย อาจจถูกถอดถอนได้ เพราะนายกฯ ไม่มีความชอบธรรมที่จะสลายการชุมนุมของประชาชนใช้สิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญขั้นพื้นฐานที่จะชุมนุมได้โดยปราศจากอาวุธ ซึ่งศาลยุติธรรมและศาลปกครองเคยพิพากษาไว้ กรณีม็อบที่จังหวัดสงขลา และภูเก็ต ซึ่งอำนาจศาลรัฐจะต้องเคารพและปฏิบัติตาม ตนจึงขอฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารว่ามีสองเหตุผลเท่านั้นที่จะเข้าลายการชุมนุนมได้ คือ มีสงครามเกิดขึ้น 2.มีการประกาศกฎอัยการศึก หากเจ้าหน้าที่ใช้กำลังสลายการชุมนุมนอกเหนือจากสองข้อนี้ เท่ากับว่ารัฐบาลฝ่าฝืนผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติจะต้องมีความผิดทั้งแพ่งและอาญา
นายไพศาล กล่าวต่อว่า คำพูดของนายกฯ ที่ว่าจะสลายการชุมนุม ทำให้ทั่วโลกจับตาว่าเป็นอาชญากร กำลังทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลเสียหาย ไม่เคารพสิทธิมนุษยชน ซึ่งไม่ต่างกับรัฐบาลพม่า เสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจ ใครหน้าไหนจะกล้ามาลงทุน ทั้งนี้ ประชาชนสามารถฟ้องนายกฯ ได้ โดยไปยื่นที่ สำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส.ว. ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา อัยการสูสุด หรือศาลฎีกา ซึ่งจะตั้งคณะกรรมการไต่สวนอิสระขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะเรียกร้องพรรคประชาธิปัตย์ควรจะแสดงท่าทีให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม ในการปกป้องพิทักษ์สิทธิของประชาชน
“รัฐบาลนี้เชื่อใจอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะเราเห็นธาตุแท้ของเขาแล้ว พูดอะไรก็ไม่อยู่กับร่องกับรอย เคยเชื่อถืออะไรได้ หลอกลวงประชาชน พูดแล้วก็บอกไม่ได้พูด การยกกระดับการต่อสู้ของกลุ่มพันธมิตรฯ จากการต่อต้านรัฐธรรมนูญ เป็นการไล่รัฐบาล ถือเป็นความชอบธรรมที่ทำได้ เพราะขณะนี้ประเทศชาติอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อสูญเสียอธิปไตย ซึ่งกองทัพเขาก็ไม่สบายใจในวิกฤตชาติที่เกิดขึ้น เกิดความแตกแยก เพราะอันธพาลครองเมืองและกำลังสร้างวิกฤตศาสนาขึ้นมาอีก โดยบัญญัติให้รัฐธรรมนูญเป็นศาสนาประจำชาติ ยิ่งจะสร้างความแตกแยกมากขึ้น วันนี้ทหาร ตำรวจกำลังกลืนเลือดอยู่ ไม่ทำอะไรเลยทั้งๆ ที่เป็นทหารและตำรวจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันนี้ขบวนการล้มสถาบันอยู่ใกล้กับรัฐบาล ประชาชนผู้จงรักภักดีจะนิ่งเฉยไม่ได้” นายไพศาลกล่าว