“กษิต” เคาะสติ “ทูต” พล่ามบรรยากาศการลงทุนไม่ดีเพราะต้องการแค่สอพลอ “หมัก” พร้อมเรียกร้องให้ ปชช.ทุกหมู่เหล่าช่วยป้องกัน “ลัทธิการเปลี่ยนแปลง” หวังงาบสมบัติชาติไปเป็นสมบัติส่วนตัว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายกษิต ภิรมย์ ปราศรัย
วันนี้ (30 พ.ค.) นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยกล่าวปราศรัยถึงการปกครองของประเทศไทย ว่า ตลอดประวัติศาสตร์ของไทย 700-800 ปี ที่ผ่านมา เราต้องต่อสู้กับลัทธิการล่าเมืองขึ้นของชาวต่างชาติ ซึ่งเราสามารถรักษาเอกราชได้อย่างสง่างาม ส่วนอีกรณีหนึ่งก็คือ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เราต้องเผชิญกับลัทธิอุดมการณ์ทางการเมืองที่เป็นอันตรายต่างๆ แต่เราก็สามารถฟันฝ่าไปได้ และยืนหยัดไปสู่ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ
นายกษิต กล่าวอีกว่า เรากำลังเผชิญกับอันตรายอย่างที่ 3 คือ มาในรูปแบบที่เขาจะยึดเอาประเทศไทยเป็นสมบัติส่วนตัว ฉะนั้นเราจะยอมให้เอกราชของเราสูญเสียไปกับคนๆ เดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ ดังนั้นจึงอยากให้ลิ่วล้อทั้งหลายที่ไปรับใช้เขาอยู่ ปลดแอก แล้วมาร่วมกันรับใช้ชาติได้แล้ว นอกจากนี้ยังอยากให้นายสมัคร และสหายทั้งหลายมาร่วมร้องเพลงชาติ เพื่อแสดงความเป็นเอกราช ซึ่งเป็นความภูมิใจของชาติเรา แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่มีความชอบธรรมใดๆ อีกแล้ว เพราะพวกท่านเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาเอาสิ่งที่เราหวงแหน และถ้าไม่ยอม นายสมัคร ก็สมควรที่จะออกไปจากตำแหน่งได้แล้ว
“ขอวิงวอนข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และนักธุรกิจทั้งหลายว่า อย่านิ่งเฉย ต้องออกมาช่วยกันป้องกันลัทธิการเปลี่ยนแปลงที่จะเอาสมบัติของชาติ ไปเป็นสมบัติส่วนตัว ส่วนที่มีข่าวว่ามีซีอีโอหลายท่านได้ให้สัมภาษณ์ว่าเมืองไทยไม่น่าลงทุน จึงอยากจะขอเวทีนี้พูดกับทูตทั้งหลายว่า ประเด็นแรก คือ สิ่งที่เราต่อสู้กันมา เพื่อต้องการไร้ซึ่งความมีสิทธิเสรีภาพ และอยากจะให้เป็นสังคมที่บรรดาเจ้าของบริษัทไม่ต้องฝันร้ายเพราะระบอบทักษิณ ที่อยากมาซื้อกิจการ และจะไม่มีแข่งขัน เนื่องจากโครงการสำคัญต่างๆ ไปอยู่ในมือของคนที่อยู่ในระบอบทักษิณ แม้กระทั่งการบินไทย และ ปตท.”
ดังนั้นเราจึงไม่สามารถที่จะปรองดองกับความสามานย์ได้ เพราะเราอยากจะสร้างสภาพสังคมไทยที่แจ่มใส และอยากให้มีบรรยากาศเหมือนสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เป็นนายกฯ ที่ข้าราชการประจำ และนักธุรกิจ นั่งโต๊ะคุยร่วมกันได้ และไม่ว่าจะเป็น พล.อ.เปรม นายชวน หลีกภัย หรือนายอานันท์ ปันยารชุน ในสมัยนั้นมันไม่มีการทุจริตคอรัปชั่น ดังนั้นเราขอให้เปลี่ยนทัศนคติเรื่องการปรองดองกับสิ่งเลวร้ายไม่ได้ และที่เรามาทำวันนี้ก็เพื่อท่านนักธุรกิจทั้งหลาย
“ผมค่อนข้างจะสะเทือนใจกับรุ่มน้องที่กลายไปเป็นทูตทั้งหลาย ที่ระบุว่าบรรยากาศการลงทุนไม่ดี ไม่ทราบว่าพูดเพราะโง่ หรือต้องการประจบสอพลอนายกฯ แต่อยากให้ท่านทูตใช้ความกล้าหาญ และกล้าพูดความจริงกับนายกฯ ว่า อย่ามาเล่นแร่แปรธาตุ เพื่อยึดแผ่นดินไทย อย่ามาเป็นลูกทาสให้กับอดีตผู้นำ ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นที่ถนนราชดำเนินนั้น เป็นความงดงามของระบอบประชาธิปไตยโดยใช้สันติวิธี และด้วยสติปัญญา”
ส่วนประเด็นที่ 2 คือ เขาต้องบอกกับฝรั่งว่า เรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นการเมือง ซึ่งต้องบอกกับต่างชาติให้ชัดเจน เนื่องจากมีระบอบทักษิณเข้ามา จึงต้องขอเวลาอีกนิดหนึ่ง ซึ่งเรากำลังปรับบ้านเมืองให้สวยงาม และจะทำให้เข้ามาค้าขาย มาท่องเที่ยว และมีความปลอดภัย รวมทั้งต้องไปบอกกับบรรดาผู้นำในต่างประเทศว่า การเมืองเป็นเรื่องระดับบน โดยปัจจัยพื้นฐานไม่เป็นรองใคร แต่ที่ไปไม่ได้อย่างเต็มที่ เพราะมีรัฐบาลโกงกิน จึงต้องขอเวลากำจัดความเลวร้ายของสังคมไทย หรือกำจัดพวกหนอนไปเสียก่อน ดังนั้นทูตทั้งหลายจึงอย่ามาพูด เพราะจะทำให้เกิดความสับสน
ส่วนวิถีทางการทูต พูดได้ 2 วิธี คือ 1.พูดไปตามเนื้อผ้า 2.คือ ขอพูดโดยส่วนตัว โดยบอกไปเลยว่า ใจเย็นๆ นัดหนึ่ง เพราะตอนนี้มันเหลวแหลกจริงๆ รัฐบาลมันเฮงซวย และพูดไม่รู้เรื่อง แต่ยังมีประชาชนอีกครึ่งประเทศกำลังต่อสู้เพื่อความถูกต้องให้กับสังคมไทย ฉะนั้นการพูดประเด็นหลัง ถือเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาติ และสร้างศักดิ์ศรีความเป็นทูต ไม่ใช่พูดเพราะเกรงกลัวระบอบสามานย์ที่กำลังปกครองประเทศไทย