ส.ว.สรรหา “สมชาย แสวงการ” เตือน รบ.เลิกคิดจะแก้ รธน.เพื่อหยุดชนวนรัฐประหาร แนะ “เพ็ญ” หากอยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ก็ต้องลาออก-วอน “เลี้ยบ-มิ่ง” เลิกฟัดกันเอง! หันมาร่วมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชาติดีกว่า
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการเวทีความคิด
วันนี้ (29 พ.ค.) นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ให้สัมภาษณ์ในรายการเวทีความคิด ทางสถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ทีวี ถึงกรณีที่ขณะนี้มี ส.ว.สรรหา และ ส.ว.รวมตัวกันแสดงจุดยืนที่จะ คัดค้านการแก้ไข รธน.ว่าเรื่องดังกล่าว ขณะนี้ทางกลุ่ม ส.ว.ที่มีแนวคิดเดียวกันที่จะคัดค้านการแก้ไข รธน.ทั้ง 51 คน ได้มีการหารือร่วมกัน และได้มีฉันทานุมัติร่วมกันว่าไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเห็นได้ชัดเจนว่า มีจุดมุ่งหมายทำเพื่อตนเองมากกว่าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ซึ่งทางกลุ่มเราก็ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาร่วมกันรณรงค์ เนื่องจากเห็นว่า ควรจะช่วยรณรงค์ให้พี่น้องประชาชน รู้ว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอันสมควรในการแก้ไข รธน.เพราะปัญหาปากท้องของประชาชนนั้น สำคัญกว่ามาก ดังนั้น การแก้ไข รธน.จึงควรหยุดเอาไว้ก่อน
ต่อคำถามว่า มีความคิดเห็นอย่างไรต่อกรณี ทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำการชุมนุม ขัดขวางการแก้ไข รธน.อยู่ในขณะนี้ นายสมชาย กล่าวว่า ตนคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ กลุ่ม นปก.หรือ นปช.ทุกกลุ่มล้วนมีสิทธิเสรีภาพที่สามารถชุมนุมโดยสงบได้ ตนถือว่า เป็นการเมืองของภาคประชาชนที่จะดำเนินไปได้ เหมือนที่การเมืองในระบบรัฐสภา เราก็ทำต่อไป
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า เงื่อนไข และปัจจัยที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงตอนนี้ คือ เรื่องของการแก้ไข รธน.เลยทำให้พันธมิตรฯ ออกมาเคลื่อนไหว เนื่องจากเขาก็เคยบอกแล้วว่าถ้ายื่นร่างแก้ไข รธน.เมื่อไร เขาก็จะออกมาชุมนุม ซึ่งเขาก็ทำตามสัญญา ซึ่งตนก็เชื่อว่าถ้ามีการถอนออก เงื่อนไขของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็น่าจะน้อยลงไป ส่วนอีกเงื่อนไขที่สำคัญ ก็คือ เรื่องของ นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีประเด็นในเรื่องของการพูด หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นอีกเงื่อนไขสำคัญที่สังคมกำลังจับตามองอยู่ ตนเชื่อว่าหาก นายจักรภพ ยอมลาออกเสีย ก็ถือเป็นการปลดชนวนความขัดแย้ง ไปได้อีกอย่าง “หากท่านเสียสละอีกซักนิดนึง ท่านถอยไปซัก 6-7 เดือน เพื่อให้เรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เงื่อนไขก็จะเปลี่ยนบ้านเมืองก็จะเดินต่อไปได้ ผมเชื่อว่าพันธมิตรฯ ก็น่าจะถอยไปเอง”
ต่อคำถามที่ว่า ตอนนี้พันธมิตรฯ ตอนนี้บอกว่าไม่ได้เพียงแค่ขอแก้ไข รธน.แล้วแต่จะถึงขั้นขับไล่รัฐบาลเลยนั้น นายสมชาย กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการชุมนุม ที่เมื่อมีปัญหาเพิ่มขึ้น เช่น อาจจะเกิดจากการใช้กลุ่มอันธพาลบางส่วนมาทำร้ายผู้ชุมนุม ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาล ปัญหาถัดมา คือ ปมที่เกิดจากรัฐมนตรีบางคน ที่ก้าวร้าวและรุนแรงและก็มีการโจมตีกล่าวหาผู้ชุมนุมมากขึ้น บวกกับ รัฐมนตรีบางคนที่ถึงแม้จะลาพักร้อนไป และก็ยังไม่ยอมลาออกก็ยังเป็นเงื่อนไขที่ยังไม่ได้ปลดชนวนออก จึงทำให้เงื่อนไขการชุมนุมมีมากขึ้น
ดังนั้น ความขัดแย้งดังกล่าว หากเราลองปลดล็อกทีละส่วน ทั้งเรื่องแก้ไข รธน.การลาออกของรัฐมนตรีที่มีทัศนคติอันตรายต่อสถาบันเบื้องสูง ทางออกก็จะดีขึ้น จากนั้นรัฐบาลก็ควรจะร่วมมือกันแก้ปัญหาให้ประชาชน อย่าง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.กระทรวงการคลัง และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รมว.พาณิชย์ ที่ตอนนี้ไม่กินเส้นกันอยู่ ก็ควรจะหันหน้ามาคุยกัน เพื่อร่วมดูแลงานด้านเศรษฐกิจของประเทศเสียที
ส่วนเรื่องของการรัฐประหารนั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ หากทุกฝ่ายร่วมการป้องกัน แต่หากยังดึงดันไม่รีบปลดชนวนความขัดแย้ง ทหารก็อาจจำเป็นต้องทำ “การรัฐประหารครั้งที่แล้วทหารมีบทเรียนที่เจ็บปวด วันนี้พูดตามตรงถ้าไม่นองเลือดทหารก็ไม่ออก แต่นองเลือดแล้วออก เพราะมันจำเป็นต้องมีคนออกมาห้ามศึก เพราะถ้าปัญหามันนำไปสู่การจราจล ทหารก็ต้องออกเพื่อยุติศึก ถึงวันนั้นเศรษฐกิจของประเทศไทยก็จะชะงักทันที ผมเชื่อว่า ผู้นำเหล่าทัพ และ ผบ.ทบ.ไม่อยากทำรัฐประหาร ผมรู้จักท่านทุกคนว่าท่านไม่ทำแน่ แต่ว่าพวกเรากำลังทำให้เงื่อนไขมันไปสู่จุดนั้น ผมจึงอยากเรียกร้องให้ทุกคนที่มีส่วนจุดชนวนนั้น ปลดชนวนตรงนั้นออกเสีย แล้วบ้านเมืองก็จะเดินไปได้” นายสมชาย กล่าวทิ้งท้าย
