ศูนย์ข่าวศรีราชา/ภูเก็ต – นักธุรกิจภาคตะวันออกจี้รัฐบาลและตำรวจแสดงความจริงใจในการสร้างความสงบให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง หวั่นเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างฝ่ายหนุนและต้านแก้ไข รธน.อาจเกิดจากมือที่ 3 ที่ต้องการเห็นความวุ่นวายและชักนำให้เกิดการนองเลือด ชี้เหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯและกลุ่มต่อต้านรัฐบาลและตำรวจต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะที่นักธุรกิจภูเก็ตเรียกร้องให้ร่วมกันประณามกลุ่มที่ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงและให้รัฐบาลมองถึงเหตุผลที่มีการชุมชนและเร่งแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนมากกว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี ที่ปรึกษานายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เผยถึงเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจนเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมและกลุ่มผู้ต่อต้านพันธมิตรเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า เกรงจะเป็นมือที่ 3 ที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายเพื่อให้สถานการณ์เกิดความรุนแรง และหากรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจยังปล่อยให้เป็นเช่น นี้ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจไม่จบลงง่ายๆ และจะกระทบถึงภาพลักษณ์ของประเทศ
ที่สำคัญประเทศคู่แข่งด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ อาจฉวยโอกาสดังกล่าวจุดพลุผ่านสื่อเรื่องความไม่สงบในประเทศไทย จนทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่เดินทางเข้ามาท่อง เที่ยวในประเทศ ที่สำคัญผลกระทบทางภาพลักษณ์ยังจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกหลายเรื่องในสายตาต่างชาติที่มองเข้ามายังประเทศไทย
“ต้องดูว่าการเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นไปด้วยความสงบหรือไม่ และรัฐบาลจะต้องเข้ามาดูแลเพื่อป้องกันเหตุการณ์รุนแรง ที่สำคัญกรณีของมือที่ 3 คือเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะผู้เป็นมือที่ 3 คือผู้ที่ต้องการเห็นการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงของทั้ง 2 ฝ่าย รัฐบาลเองต้องทบทวนแล้วว่าจะควบคุมสถานการณ์นี้ได้หรือไม่”
นายธเนศ ยังเผยอีกว่าสิ่งที่ต้องการเห็นในขณะนี้คือ การที่ผู้นำของทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และผู้นำรัฐบาล ลดอัตตาของตนลงแล้วหันหน้าพูดคุยกันว่าแต่ละฝ่ายต้องการอะไร ที่สำคัญควรมองว่าตรงกลางของปัญหาอยู่ที่ไหน เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจของไทยย่ำแย่มากพอแล้ว ขณะนี้รัฐบาลควรโฟกัสไปที่ปัญหาเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนมากกว่าที่จะมุ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เช่นเดียวกับนายปราโมช ร่วมสุข ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี ที่หวั่นว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นของกลุ่มพันธมิตรฯ อาจจะพัฒนาไปสู่ความรุนแรง และต้องการให้ผู้นำของทั้ง 2 ฝ่ายหันหน้าเข้าพูดคุยกันเพื่อความสงบสุขของประเทศ โดยอาจนิมนต์พระ สังฆราชฯ หรือหลวงพ่อคูณ ซึ่งเป็นที่เคารพของคนไทยทั้งประเทศเป็นคนกลางที่จะเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น ดีกว่าการที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะจัดม็อบเขาชนกันจนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย
“เรื่องรัฐธรรมนูญ ผมไม่เห็นด้วยที่จะเร่งแก้ไขในตอนนี้ และการที่จะนำเงิน 2 พันล้านบาทมาจัดทำประชา มติยิ่งไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับประ เทศชาติบ้าง ในเรื่องเศรษฐกิจ ราคาน้ำมัน ราคาสินค้าที่พุ่งขึ้นสูงรัฐบาลควรแก้ไขให้ชัดเจน” นายปราโมช กล่าว
นายวันชัย เกียรติ์ดำรงวงศ์ รองประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว เผยว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในสายตาตนเป็นเพียงการชุมนุมเพื่อสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาล เพื่อแสดงจุดยืนให้เห็นเรื่องการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะมีอะไรบานปลายมากไปกว่าที่เป็นอยู่ และตนยังเห็นว่าการปะทะกันที่เกิดขึ้นในช่วงคืนวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นเพราะรัฐบาลที่อยู่เบื้องหลังและเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดการปะทะกัน
“ที่ผ่านมาการเมืองของเราเดินไม่ถูกทางตามหลักความจริงแล้วรัฐบาลควรจะแก้ไขปัญหาราคาสินค้า น้ำมันและน้ำตาลที่พุ่งสูงเกินไป แต่รัฐบาลกลับคิดถึงแต่ปัญหาส่วนตัวของตนจึงมุ่งแต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลสร้างเกมทางการเมืองมากจนเกินไป” นายวันชัย กล่าว
เอกชนภูเก็ตจี้แก้ศก.ก่อนแก้ รธน.
นายภูริต มาศวงศา อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการชุมนุมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า โดยส่วนตัวแล้วมองว่าการชุมนุมประท้วงของทั้ง 2 ฝ่ายสามารถทำได้ถ้าเป็นการชุมนุมด้วยความสงบ การเดินขบวนอยู่ในกรอบ ในหลักปฏิบัติ เป็นสิ่งที่ยอมรับกันได้ และเชื่อว่าถ้าเป็นการชุมนุมด้วยความสงบนั้นในส่วนของนักท่องเที่ยวก็จะเข้าใจว่าเรื่องเหล่านี้ว่าเป็นเรื่องภายในประเทศที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าการชุมนุมเกิดความรุนแรงขึ้นเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่นอนและเหตุการณ์การชุมนุมที่เกิดความรุนแรง เรื่องของวิกฤตทางการเมือง นั้นย่อมส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวแน่นอน เพราะฉะนั้นเราจะต้องร่วมกันประณามคนที่ยั่วยุก่อให้เกิดความรุนแรงในการชุมนุมประท้วง เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ควรที่จะทำให้เกิดขึ้น ในขณะที่อีกฝ่ายชุมนุมด้วยความสงบ แต่อีกฝ่ายเข้าไปก่อเหตุยั่วยุทำให้เกิดความรุนแรง เนื่องจากสิทธิในการชุมนุมทุกคนสามารถทำได้แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
ขณะที่นายชวนะ เกียรติชวนะเสวี รองประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าการรวมตัวกันชุมนุมของประชาชนในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อคัดค้านการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญและถอดถอน ส.ส.และ ส.ว.ที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่สามารถทำได้ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดหากการกระทำดังกล่าวอยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด ถือว่าเป็นสิ่งที่สามารถยอมรับได้ในระบอบประชาธิปไตยและเห็นว่ารัฐบาลเองก็น่าที่จะมองถึงเหตุผลของประชาชนที่มารวมตัวกันชุมนุมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะอะไร
นายชวนะ กล่าวอีกว่า อยากให้รัฐบาลหันมามองการบริหารประเทศ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้เร็วที่สุดมากกว่าที่จะมองในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะขณะนี้เราต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังย่ำแย่ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและปัจจัยภายนอกประเทศ น้ำมันแพงขึ้นเรื่อยๆ ราคาสินค้าต่างๆ ก็ขยับเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น ประชาชนทั่วทั้งประเทศกำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะนิ่งเฉยไม่ได้ ต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ลุล่วงไปก่อน ก่อนที่จะมาแก้รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนมากๆ และไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขและการแก้ไขดังกล่าวจะต้องเป็นประเด็นที่ประชาชนทั้งประเทศได้รับประโยชน์ไม่ใช่แก้ไขเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น