xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” เปิดเบื้องลึก! แฉ ตร.ยอมเป็นทาสรับใช้นักการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรปะชาชนเพื่อประชาธิปไตย
“สนธิ” แฉแหลกวงการ “สีกากี” ยอมทิ้งอุดมการณ์-ตกเป็นทาสรับใช้ “นักการเมือง” เพียงเพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ ก่อนเปิดเบื้องลึก “เป็ดเหลิม” ได้ดี เพราะใกล้ชิดกับ “บิ๊กทหาร” พร้อมประกาศไล่เช็กบิล “นายตำรวจ” ออกจากราชการเรียงตัว เพราะนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์กุ๊ยไล่ทำร้าย ปชช.

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย 

วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 03.10 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่เชิงสะพานมัฆวาน โดยกล่าวถึงกระแสข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมที่จะเข้าเคลียร์พื้นที่ ว่า พี่น้องจำเรื่องราวที่โอ๋สืบ 6 เหยียบ และกระชากได้หรือไม่ นอกจากโอ๋สืบ 6 จะถูกออกจากราชการแล้ว พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ อยู่ด้วย ในสมัยนั้นเป็นรองผู้บังคับการ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์แต่ไม่ได้ห้าม ปรากฏว่าพอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลุดออกจากประเทศ เขาก็เล่นงาน พล.ต.ต.มานิตย์ โดยไปแจ้งความกับ ป.ป.ช.ซึ่ง ป.ป.ช.ก็ส่งเรื่องกลับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้เลื่อนขึ้นไปเป็นผู้บังคับการ น.1 ปรากฏว่าถูกออกจากราชการเลย

“วีดีโอที่เราถูกทำร้าย แล้วตำรวจยืนเฉย เรามีหมดแล้ว เราจะไล่เรียงแถวแจ้ง ป.ป.ช.เพื่อให้เอาออกจากราชการ ไม่เว้นแม้แต่ตำรวจชั้นประทวน หรือชั้นสัญญาบัตร ซึ่งขอเอาเกียรติยศของคนไล่ซึ่งทักษิณ พร้อมกับพี่น้องเป็นประกัน ถ้าเขามาสลายกลุ่มของพวกเรา ขอให้พ่อแม่พี่น้องเอามือถือถ่ายภาพไว้ เพราะภาพถ่ายมันจะเป็นหลักฐานชี้ชัด และขอให้ผู้หญิงนอนลงบนพื้น ถ้ามาแตะตัวถือว่าล่วงละเมิดทางเพศ” นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ที่พูดเพราะต้องการให้พี่น้องรู้ถึงชีวิตของตำรวจ ว่า มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ท่ามกลางความขมขื่นของตัวเอง และที่ตำรวจมีความสุขเนื่องจากมีอำนาจอยู่ในมือ สามารถทำได้ทุกเรื่อง ซึ่งถ้าจิตใจดี มีคุณธรรม สังคมก็ดีตามไปด้วย แต่เชื่อหรือไม่ว่า ขณะนี้ถ้าจะสอบเข้าพลตำรวจ ต้องใช้เงินถึง 3-5 แสนบาท ส่วนการวิ่งเต้นขึ้นสารวัตรต้องใช้เงินหลักล้าน ซึ่งตนเป็น 1 ในประเทศไทยที่รู้เรื่องของตำรวจ เพราะตนสอนตำรวจมาเยอะ มีลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง เช่น พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ซึ่งเกษียณอายุไปแล้ว

“ประสบการณ์ที่ผมสอนตำรวจมา ทำให้รู้ว่าตำรวจอยู่มี 2 ประเภท 1.คือ ยึดถือกฎหมายเป็นหลัก ผิดเป็นผิด ไม่ยึดถือหลักรัฐศาสตร์ อีกประเภทหนึ่ง คือ ยึดถือใจของตัวเอง ซึ่งพอใจอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ผมมีน้องเป็นตำรวจที่อยู่ด้วยกันจนบัดนี้ เพราะจิตใจเขาถูกหลอมด้วยคุณธรรม เขาจับคนโกงเลือกตั้ง ซึ่งเขาถูกจ้างมา 50 ล้านเพื่อขอดูสำนวน แต่เขาไม่ให้ดู นั่นเป็นตำรวจที่มีอยู่น้อยมาก ส่วนตำรวจที่ยิ่งมีตำแหน่งสูงขึ้น ยิ่งสอบตกเลข เพราะบวกเป็นอย่างเดียว แต่หารไม่เป็น คือ รายได้เก็บเอาไว้ 90 เปอร์เซ็นต์ ให้ตำรวจชั้นผู้น้อย 10 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ตำรวจชั้นประทวนต้องออกไปรีดไถประชาชน เพราะเจ้าของพื้นที่ และการที่ขึ้นจากรองสารวัตรไปเป็นสารวัตร ต้องทำงานรับใช้ผู้ใหญ่ จนสุดท้ายยากมากที่สุดก็คือขึ้นจากยศพันตำรวจเอกไปเป็นผู้บังคับการนั้น เพราะเป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่จะได้ยศนายพล ซึ่งร้อยละ 70 รับใช้นักการเมือง นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ตำรวจเหล่านั้นกลัวนักการเมือง

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ซึ่งมาแทน พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ โดยสมัยนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กำลังจะตั้งให้ พล.ต.ท.จงรัก มาปราบกลุ่มพันธมิตรฯ โชคดีที่ฟ้ามีตา ทำให้เกิดการปฏิวัติเสียก่อน ด้วยเหตุนี้ตนจึงใช้พรหมวิหาร 4 กับคนพวกนี้ คือ ต้องใช้อุเบกขาในการวางเฉย ที่สำคัญเวลาที่ตำรวจขึ้นในตำแหน่งสูงๆ จะต้องใช้ความชำนาญในการเป็นช่างไม้ เพราะต้องใช้วิชาเลื่อย และต้องรู้นักการเมือง นายบ่อน และผู้มีอิทธิพลต่างๆ อีกนับไม่ถ้วน ฉะนั้นตำรวจจึงมีเครือข่ายของเขา แล้วต่อสายไปทางอำนาจอิทธิพลต่างๆ จึงเป็นที่มาของอำนาจอิทธิพลชนกันตลอดเวลา

“สังเกตได้จากโผแต่งตั้งตำรวจระดับสูง ถ้ายังไม่ส่งไปโปรดเกล้าฯ ถือว่าไม่แน่นอน ซึ่งมีสิทธิที่จะเปลี่ยนได้ โดยแทบจะทุกสมัย ตำรวจที่ใส่ชื่อแต่งตั้งรับเงินทั้งนั้น ผมรู้จักพวกคุณดีตั้งแต่ยุคสมัย แสวง ธีระสวัสดิ์ รวมทั้งยุค พล.ต.ท.ณรงค์ อัลภาชน์ ซึ่งเป็นตำรวจที่เป็นเพชร เพราะตรงไปตรงมา ส่วน พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงราย ซึ่งนิสัยเหมือนพ่อ ถูกย้ายเข้าไปช่วยราชการประสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะทำคดีของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช”

นายสนธิ ยังกล่าวถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ว่า สมัยก่อน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นทหารยศนายสิบมาจากทหารบก จับพลัดจับพลูได้ไปเป็นสารวัตรกองปราบปราม ซึ่งมีชื่อมาก เพราะเดินถือกระเป๋าไปตรวจเพชรเถื่อนตลอดเวลา คุณเฉลิม เติบโตมาได้ก็เพราะรับใช้ผู้ใหญ่ คือ พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม แสดงวีรกรรมด้วยการไปบุกจับเมียนายห้างชินโสภณพาณิชย์ ข้อหาเล่นไพ่นกกระจอก ซึ่ง พล.ต.อ.ณรงค์ เป็นคนสั่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่ถูกกัน ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม โดนอำนาจทางการเมืองถูกย้ายไปเป็นตำรวจควบคุมการจ่ายยาที่ทางภาคใต้ ซึ่งท้ายที่สุดผู้ใหญ่ทางวงการทหาร คือ พล.อ.ยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ย้าย ร.ต.อ.เฉลิม กลับมาอีกครั้ง จนกระทั่งไปใกล้ชิดกับ พล.อ.มนูญกฤต รูปขจร และ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี จึงสนิทกับนายทหารรุ่น 7 ซึ่งภายหลังเข้ายึดอำนาจแล้วเกิดพลาด

“สมัยนี้ เราไม่เคยเห็นตำรวจยศร้อยตำรวจตรี ร้อยตำรวจโทนั่งรถเมล์ ถามว่าคนเป็นตำรวจยศร้อยตำรวจโทก็เริ่มซื้อรถ ซึ่งมีเงินเดือนแค่หมื่นต้น จะมีปัญญาไปดาวน์รถได้อย่างไร พอได้ยศร้อยตำรวจเอกขึ้นสารวัตรก็เริ่มเปลี่ยนรถยี่ห้อดีขึ้น พอขึ้นไปในระดับผู้บังคับการ ซึ่งผมไม่เคยเห็นผู้บังคับการตำรวจนครบาลคนไหน ที่มีรถเล็กๆ มูลค่าไม่เกิน 7 แสนบาท ฉะนั้นตำรวจจึงได้เงินมาง่าย เพราะมีพ่อค้าคอยจ่ายเงินให้ ซึ่งพ่อค้าเหล่านั้นยอมเสียเงินเป็นแสนเป็นล้าน เพื่อแบ่งว่าตัวเองขอใบขับขี่ฟรี” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว

นายสนธิ กล่าวอีกว่า เชื่อหรือไม่ ในสมัยตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกเหตุการณ์ 19 กันยายน จนต้องออกไปนอกประเทศ ตำรวจทั้งหลายตอนที่ตนทะเลาะกับ พ.ต.ท.ทักษิณ วิ่งมาหาตน โดยบอกว่า “พี่ครับ ผมมารายงานตัวครับพี่ และตอนที่พี่มีเรื่องอยู่ผมเอาใจช่วยพี่เต็มที่ครับ แต่ตอนนั้นผมออกมาไม่ได้” ซึ่งเราทำใจว่านี่คือสันดานตำรวจ และถ้ามีการเปลี่ยนแปลง คนที่เคยทำท่าขึงขัง เข้มแข็ง จะต้องมีคนมาบอกว่า “พี่ครับ วันนั้นที่ผ่านฟ้า ผมมีความจำเป็น แต่ผมแอบสั่งการอยู่ข้างหลังเพื่อช่วยเหลือพี่” นั่นแหละสันดานตำรวจ
กำลังโหลดความคิดเห็น