แกนนำพันธมิตรฯ ยื่นหนังสือถอนถอน ส.ส.-ส.ว.ที่เสนอญัตติแก้ไข รธน.ต่อ ปธ.วุฒิสภาแล้ว โดยแจงพฤติกรรมเข้าข่ายความผิด มาตรา 270 จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติ รธน. 4 ข้อ และจะนำรายชื่อ ปชช.20,000 รายชื่อ มายื่นให้ ปธ.วุฒิฯ เพื่อถอดถอน ส.ส.-ส.ว.ออกจากตำแหน่ง ขณะที่ ปธ.วุฒิฯ พร้อมส่งรายชื่อ ปชช.ยื่นถอดถอน ให้สำนักทะเบียนราษฎร มท.และกกต.ต่อไป
วันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.55 น.ที่รัฐสภา แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้เดินทางมาที่รัฐสภาสภา พร้อมยื่นข้อเสนอ ต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า พฤติการของ ส.ส.-ส.ว.ที่ร่วมลงนามแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ว่าเข้าข่ายความผิดมาตรา 270 ต่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ดังนี้
1.ความผิดของ ส.ส.ตามมาตรา 122 การปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์เนื่องจากมี ส.ส.บางส่วนสังกัดพรรคการเมืองที่กำลังถูกดำเนินคดียุบพรรค ในขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญมีจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจน เพื่อให้พรรคการเมืองของตนพ้นจากควมผิดยุบพรรค แม้ ส.ส.จะอ้างเอกสิทธิ์คุ้มครอง แต่ก็ไม่ได้ หมายความว่า ส.ส.จะไม่ได้ใช้เอกสิทธิ์ในทางที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
2.ความผิดของ ส.ว.ตามมาตรา 122 การปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการขัดกันแห่งประโยชน์เนื่องจากร่างแก้ไขเพิมเติมรัฐธรรมนูญได้มุ่งหมายเปลี่ยนโครงสร้างของวุฒิสภา ทั้งที่มาและอำนาจหน้าที่ หวังเพิ่มอำนาจหน้าที่ให้ ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยให้ยุบเลิก ส.ว.ที่มาจากการสรรหาทิ้ง ฉะนั้น การที่ ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งบางส่วน ร่วมลงชื่อแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงถือเป็นการกระทำที่มีส่วนได้เสีย
3.ความผิดตามมาตรา 291 เนื่องจากร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทั้งเนื้อหาและรูปแบบที่เสนอมานั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 291 และข้อบังคับการประชุมรัฐสภา กล่าวคือให้นำบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้บังคับแทนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2550 โดยการยกเลิกเชื่อหมวด ตั้งแต่หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชาวไทยจนถึงบทเฉพาะกาล และให้นำชื่อหมวดและบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้บังคับแทนทั้งหมด โดยเริ่มตั้งแต่หมวด 3 ดังนั้น รูปแบบดังกล่าวจึงมีบลักษณะเป็นการให้นำบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้บังคับแทน 2550 และ
4.ความผิดตามมาตรา 68 พบว่า บทญัตติการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ทั้งรูปแบบวิธีการและสาระสำคัญในร่างแก้ไข ที่เสนอต่อรัฐสภาครั้งนี้เป็นการโละและล้มล้างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จึงเป็นวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจใจการปกครองประเทศ ซึ่งมิได้เป็นไปตาามวิธีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พฤติการณ์ที่กล่าวมาข้างต้นจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การถอดถอนออกจากตำแหน่ง
ขณะที่ นายพิภพ ธงไชย หนึ่งในผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อ กล่าวว่า หลังจากยื่นหนังสือแสดงความจำนงริเริ่มรวบรวมรายชื่อแล้ว กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะรวบรวมรายชื่อประชาชน 20,000 ชื่อ ซึ่งขณะนี้รวบรวมได้แล้วกว่า 10,000 ชื่อ และคาดว่าอีก 2-3 วัน จะได้รายชื่อครบทั้งหมดแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายสมศักดิ์ยื่นหนังสือต่อประธานวุฒิสภาแล้ว นายประสพสุข กล่าวว่า หลังจากนี้ตนต้องรอรายชื่อที่จะมาถอดถอน ส.ว.จากแกนนำพันธมิตรฯ จำนวน 20,000 รายชื่อก่อน ถ้าได้ครบแล้วก็น่าจะใช้เวลา 2 วันในการตรวจสอบข้อมูล จากนั้นวันพุธที่ 28 พฤษภาคม ตนก็จะส่งรายชื่อไปให้สำนักทะเบียนราษฎรของกระทรวงมหาดไทย และส่งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งต่อไป
นอกจากนี้ ประธานวุฒิสภายังได้แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่าจะบานปลาย โดยได้มีการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันประคับประคองสถานการณ์และพูดกันด้วยเหตุผล ส่วนจะมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล