กองทัพสุดทน ส่ง “พล.อ.อนุพงษ์” ขอคำชี้แจง “จักรภพ” หมิ่นสถาบันเบื้องสูงจากนายกฯ ขณะที่ “สมัคร” หวั่นทหารลุกฮือปฏิวัติ ได้ทีหนีบ ผบ.ทบ.ร่วมเดินทางเยือนแดนตากาล็อก
รายงานข่าวเปิดเผยว่า หลังจากที่ ผบ.เหล่าทัพ ประกอบด้วย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ ประชุมหารือถึงกรณีที่ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูง เมื่อวันอังคารที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ประชุม ผบ.เหล่าทัพ มอบหมายให้ พล.อ.อนุพงษ์ เป็นตัวประสานกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อให้ดำเนินการกับนายจักรภพ เพราะขณะนี้กองทัพรู้สึกไม่พอใจต่อการกระทำของ นายจักรภพ
รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า พล.อ.อนุพงษ์ ได้เดินทางเข้าพบนายสมัครที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหารือถึงประเด็นดังกล่าว โดยใช้เวลาพูดคุย 20 นาที ซึ่งการพูดคุยครั้งนี้ นายสมัคร ได้หยิบเอกสารแปลคำปาฐกถาของนายจักรภพ ให้กับ พล.อ. อนุพงษ์ อ่านในรายละเอียด ซึ่งจากการพบปะระหว่างนายสมัครกับ พล.อ.อนุพงษ์ ทำให้นายสมัครชวน พล.อ.อนุพงษ์ ร่วมเดินทางไปปฏิบัติราชการที่ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 22-23 พ.ค.นี้ ทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ได้มีกำหนดการที่จะเดินทางร่วมกับคณะของ นายสมัครแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่มีนายจักรภพร่วมเดินทางไปด้วย ทั้งที่เดิมมีกำหนดการร่วมเดินทางไปกับนายกรัฐมนตรี
รายงานข่าวแจ้งว่า การเดินทางร่วมคณะกับนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.อนุพงษ์ในครั้งนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวลือการปฏิวัติรัฐประหารที่มีอย่างงต่อเนื่องตั้งช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีกระแสข่าวว่าทางหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) มีการเคลื่อนย้ายกำลังเข้ามาในกรุงเทพมหานคร ขณะเดียวกัน ในช่วงบ่ายของวันนี้ (22 พ.ค.) ก็ได้มีการข่าวลืออีกครั้งว่า มีกำลังทหารจาก จ.สระบุรี จำนวนหนึ่งเข้าไปยังสถานีโมเดิร์นไนท์ทีวี (ช่อง 9) แต่จากการสอบถามไปยังสถานีช่อง 9 ได้รับการยืนยันจากพนักงานว่าไม่มีกำลังทหารเข้ามาแต่อย่างใด ซึ่งตลอดทั้งวันที่ผ่านมามีประชาชน และข้าราชการจำนวนมาก ต่างโทรศัพท์ไปสอบถามถึงประเด็นดังกล่าวด้วยเช่นกัน
รายงานข่าวจากกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า สำหรับกระแสข่าวลือดังกล่าวน่าจะมาจากนายทหารบางคนที่ต้องการจะออกมาปรามเรื่องที่การเมืองจาบจ้วงสถาบัน รวมถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงการจะยุบคำสั่งและหน่วยงานที่คมช.ตั้งขึ้นมา อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลได้สั่งให้หน่วยทหารต่างๆทั้งหน่วยบัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (อย.) คอยจับตามองการเคลื่อนไหวของกำลังพลในหน่วยอย่างเข้มมงวด เนื่องจากครั้งที่แล้วเกิดความผิดพลาดในการดูแลกำลังพล จนทำให้มีการเคลื่อนกำลังออกมาปฏิวัติ ทั้งนี้ หน่วยข่าวประเมินว่า การจะปฏิวัติครั้งนี้น่าจะเป็นไปได้ยากกว่าครั้งที่แล้ว เพราะครั้งนี้ไม่มีเหตุผลจะทำอย่างครั้งที่แล้ว ซึ่งหากจะอ้างเรื่องงสถาบันก็ควรจะให้คนที่ถูกกล่าวหาถูกลงโทษไปมากกว่าจะมาทำการปฏิวัติ นอกจากนี้ การจะปฏิวัติไม่ควรจะนำเบื้องสูงมาอ้างเพื่อเป็นเหตุผลในการปฏิวัติ แต่หากจะมีการปฏิวัติจริงกำลังทหารน่าจะมาจากกองทัพภาคที่ 1 มากกว่าจะมาจากหน่วยอื่น