xs
xsm
sm
md
lg

ใครไม่เกี่ยวถอยไป! “พลังแม้ว” ยื่นแก้ รธน.แล้วปัดงุบงิบวิชามาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พลังแม้ว” ลุยยื่นแก้รัฐธรรมนูญเพื่อ “นายใหญ่” แล้ว “ชัย” งานเข้า กุลีกุจอลงมาเอาหน้า รับญัตติจาก ส.ส.อีสานด้วยตัวเอง ขณะเดียวกัน เตรียมลากพรรคร่วมส่งตัวแทนร่วมเป็นกรรมการศึกษาประเด็นแก้ไข “ชูศักดิ์” ปัดงุบงิบใช้วิชามาร โบ้ยสภารัฐบาลไม่เกี่ยว

วันนี้ (21 พ.ค.) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนจะยื่นญัตติรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ที่สงสัยกันว่ามีการส่งร่างให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาก่อนหรือไม่ว่า เบื้องต้นขอเรียนว่าเมื่อรัฐบาลมีมติให้เป็นเรื่องของรัฐสภา ที่เราทำกันไว้ก็มอบให้แก่ ส.ส.ไป และคิดว่า ส.ส.ก็จะต้องไปพูดคุยประสานกันระหว่างพรรคการเมืองทั้งหลายว่าจะยื่นกันอย่างไร จะใช้ร่างไหน เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ที่จะต้องประสานกัน แต่เสนอแนะว่าควรจะตั้งตัวแทนของแต่ละฝ่าย ฝ่ายรัฐบาลมีพรรคการเมืองต่างๆก็ตั้งตัวแทนมาดูกันว่าควรจะเป็นอย่างไรและพูดคุยกัน ส.ส.

“ที่ต้องเน้นย้ำอย่างนี้เพราะนายกรัฐมนตรีเห็นว่ามันควรเป็นเรื่องของรัฐสภา ซึ่งหมายถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ใครที่ประสงค์จะยื่นก็ควรจะมีตัวแทนของฝ่ายต่างๆ เข้ามาพูดคุยกัน” นายชูศักดิ์ กล่าว

ถามว่า การยื่นร่างโดยที่ไม่ได้ส่งร่างให้กับพรรคร่วมรัฐบาลดูก่อนจะกระทบต่องานของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อมีการประชุมหัวหน้าพรรคการเมือง นายกฯ ก็บอกแล้วว่าให้เป็นเรื่องของสภา ไม่เกี่ยวกับเรื่องของรัฐบาล แต่แม้จะเป็นเรื่องของสภาฯ ซึ่งประกอบด้วย ส.ส.และส.ส.ประกอบด้วยพรรคการเมืองต่างๆ ฉะนั้น พรรคที่ประสงค์จะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ควรจะมีตัวแทนมาพูดจากันมันน่าจะเหมาะสมกว่า

เมื่อถามว่า แต่เท่าที่ดูรายชื่อไม่ได้มีพรรคร่วมอื่นๆ ซึ่งทางพรรคชาติไทยก็มองว่าไม่ให้เกียรติกัน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เขาก็บอกว่ามีบ้าง ไม่มีบ้าง ตนก็ฟังจากข่าว เพราะไม่ได้ไปร่วมในแง่ของการลงชื่อกับพวกเขา แต่มันควรจะมีการประสานกันมากกว่านี้ ตัวแทนพรรคการเมืองทั้งหลายควรจะมาดูร่างและเมื่อเห็นพ้องต้องกันก็ลงชื่อร่วมกัน มันจะได้เป็นเอกภาพ

“เรื่องการทำงานแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ ทำงานโดยลำพัง ส.ส.พรรคพลังประชาชนฝ่ายเดียวก็ไม่สำเร็จหรอก มันเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องอาศัยความร่วมมือทั้งจาก ส.ส.และ ส.ว.ฉะนั้นดีที่สุดผู้ที่เป็นแกนนำในการดำเนินการควรจะมีการพูดจากันระหว่างพรรคทั้งหลายให้ชัดเจนน่าจะดีกว่า” นายชูศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ดูเหมือนรายชื่อ ส.ส.กกลุ่มอีสานใต้ของพรรคพลังประชาชน มีอะไรที่ต้องร้นรนถึงขนาดไม่ประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลก่อน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนได้บอกแล้ววันนี้ (21 พ.ค.) ว่ามันเป็นปัญหาอยู่ ไปคุยกันให้รู้เรื่องว่าควรจะทำอย่างไร แต่เข้าใจว่าพอดีมันปิดสภา ทุกคนก็กระจัดกระจายแยกย้ายกันไป คงไม่ได้พูดคุยกัน

เมื่อถามว่า เป็นห่วงบรรยากาศนอกสภาฯหรือไม่ที่อาจจะมีการเคลื่อนไหวคัดค้านจากฝ่ายต่างๆ จนเกิดความวุ่นวาย นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ได้บอกแล้วว่าเป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ก็อยากจะย้ำว่าขอให้คิดเรื่องนี้เป็นเรื่องกระทำในกรอบของรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากเขาทำในกรอบของรัฐธรรมนูญในมาตรา 291 เราก็คิดว่าน่าจะเป็นสิทธิโดยชอบธรรมที่จะกระทำได้ ถ้าเราจะไม่เห็นด้วยประเด็นใด มีข้อขัดแย้งประเด็นใดก็ไปพูดกันในชั้นรับฟังความคิดเห็นในชั้นกรรมาธิการ

“แต่ผมไม่ค่อยสบายใจว่าถ้ามีคนไปยื่นแล้วอีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าห้ามยื่น เพราะว่ายื่นไม่ได้ อย่างนั้นผมก็ว่า 291 มันเปล่าประโยชน์ ถ้าเขามีเสียง เขาเข้าชื่อกันได้ เขาก็ควรมีสิทธิ์ที่จะยื่น แต่จะยื่นประเด็นใดก็เป็นเรื่องของการรับฟังกัน ให้เป็นเรื่องที่ไปอยู่ในสภาเสีย” นายชูศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ปัญหาการประสานที่เกิดขึ้น ที่พรรคชาติไทยไม่ค่อยพอใจเป็นเพราะขาดตัวประธานวิปรัฐบาลหรือเปล่า นายชูศักดิ์ กล่าวว่า มันอาจจะเข้าใจผิดกัน แต่ขอย้ำว่าเมื่อเป็นเรื่องของสภาฯ เรื่องของ ส.ส. จริงแล้วไม่ใช่เรื่องของวิปแล้ว ความหมายคืออย่างนั้น ใครจะมาเป็นแกนนำในการประสานเขาก็ต้องพูดคุยกันในบรรดาพรรคการเมืองทั้งหลาย เมื่อไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ก็ไม่ใช่หน้าที่ของวิปรัฐบาล เพราะวิปรัฐบาลทำหน้าที่แทนรัฐบาล แต่ที่ผ่านมาคล้ายๆ ว่าวิปทำหน้าที่มาตลอด เพราะเราคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล แต่เมื่อเปิดโอกาสให้เป็นเรื่องของ ส.ส.ก็ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของวิปแล้ว เมื่อถามว่าในเมื่อที่ผ่านมาวิปเป็นต้นคิดที่จะทำ ตอนหลังมาปล่อยให้ ส.ส.จะกลายเป็นปากว่าตาขยิบหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อเห็นว่าไม่ใช่เรื่องรัฐบาล ควรเป็นเรื่องของสภาฯ เช่นเดียวกับตนที่เคยให้สัมภาษณ์มารตรานั้นมาตรานี้มาตลอด พอไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ตนก็ต้องถอยออกมา แม้กระทั่งลงชื่อเสนอญัตติตนก็ไม่ต้องไปลง เขาก็ห้ามรัฐมนตรีไม่ต้องไปลง นี่คือตัวอย่าง

เมื่อถามว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญทำไมต้องใช้วิชามารกันด้วย ทำไมไม่ทำให้ถูกต้อง นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่วิชามารอะไร คิดว่าขาดการประสานทำความเข้าใจกันมากกว่า อย่าไปใช้คำว่าวิชามาร เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความขัดแย้งบานปลายกับพวกที่คัดค้าน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ขั้นตอนไม่ได้ผิดอะไร เสียพอก็เข้าชื่อเสนอประธานสภาฯ ประธานสภาฯ ก็มีหน้าที่เอาร่างไปดูและบรรจุระเบียบวาระ

“เวลานี้เราต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของสภาฯ เราต้องเชื่อนายกฯ ท่านว่าอย่างนี้ก็ต้องว่าแบบนี้ แต่ผมก็ทำหน้าที่ส่งร่างไปให้ทั้งหมดแล้ว เชื่อว่าร่างที่ส่งไปคงไม่เปล่าประโยชน์ เขาคงไปใช้ประโยชน์ได้อย่างน้อยในชั้นแปลญัตติก็ว่ากันไป” นายชูศักดิ์ กล่าว

มีรายงานว่า ส.ส. ที่ได้ลงชื่อสนับสนุนญัตติดังกล่าวมีทั้งหมด 164 คน ประกอบด้วยพรรคพลังประชาชน 123 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นส.ส.ภาคอีสาน พรรคเพื่อแผ่นดิน 5 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 4 คน พรรคมัชฌิมาธิปไตย 2 คนและสมาชิกวุฒิสภา 30 คน โดยมี นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนฯ มารับเรื่องด้วยตนเอง

มีรายงานว่า รายชื่อ ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อในญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ นอกจาก ส.ส.พรรคพลังประชาชนแล้ว ยังมี ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ คือพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคเพื่อแผ่นดินเท่านั้น ขณะที่ไม่มีรายชื่อส.ส.จากพรรคชาติไทยและพรรคประชาราช แต่อย่างใด

 ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังจากการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น ได้เกิดปรากฎการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดเหนือท้องฟ้ารัฐสภาบริเวณพระบรมรูปรัชกาลที่ 7 ซึ่งต่างลื่อกันต่างๆ นาๆว่าอาจเป็นลางบอกเหตุอาเพศในอนาคต

โดยในช่วง ส.ส.พรรคพลังประชาชน พร้อมด้วยส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภาได้เดินทางมายื่นญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2550 ต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีส.ส.และส.ว.ที่ลงรายชื่อสนับสนุนญัตติดังกล่าวทั้งหมด 164 คน ด้าน นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า วันนี้ส.ส.และส.ว.ได้ร่วมกันยื่นญัตติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2550 เนื่องมาจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ประกาศใช้มาในระยะเวลาหนึ่ง และมีหลายประเด็นทีมีข้อจำกัดเรื่องสิทธิการทำงานของส.ส. และมีประชาชนจำนวนมากได้เรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมาได้มีการยื่นหนังสือให้กับส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยภาคประชาชนเห็นว่ามีข้อจำกัดในการใช้กฎหมายและเห็นว่าควรจะแก้ในหลายมาตรา ดังนั้นส.ส.จึงเห็นพร้องต้องกันที่จะเสนอให้ประธานสภาฯเพื่อที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ

จากนั้นนายชัยได้รับญัตติดังกล่าวพร้อมทั้งได้ยื่นต่อยังนายพิฑูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร โดยนายชัยกล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องใช้เวลา ซึ่งอยากให้เลขาธิการฯตรวจสอบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับส.ส.และส.ว.ที่ได้ลงชื่อสนับสนุนญัตติดังกล่าวมีทั้งหมด 164 คนประกอบด้วยพรรคพลังประชาชน 123 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นส.ส.ภาคอีสาน พรรคเพื่อแผ่นดิน 5 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 4 คน พรรคมัชฌิมาธิปไตย 2 คนและสมาชิกวุฒิสภา 30 คน ทั้งนี้ไม่มีส.ส.จากพรรคชาติไทยและพรรคประชาราชรวมชื่อสนับสนุนญัตติดังกล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า แกนนำพรรคชาติไทยและพรรคประชาราชได้แจ้งมายังพรรคพลังประชาชนว่าเหตุที่ไม่ได้ร่วมลงชื่อเนื่องจากเป็นช่วงปิดสมัยการประชุมฯนอกจากนี้แกนนำพรรคส่วนใหญ่ได้เดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะแกนนำของพรรคชาติไทยส่วนใหญ่เดินทางไปพักผ่อนที่ฮ่องกง ทำให้ไม่ได้รับการประสานงาน ด้านนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ รองเลขาธิการพรรคชาติไทยและส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทย กล่าวว่าที่ส.ส.พรรคชาติไทยไม่ได้ร่วมลงชื่อสนับสนุนญัตติดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่าได้มีการลงชื่อครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดแล้ว จึงไม่จำเป็นที่พรรคชาติไทยจะต้องไปร่วมลงชื่อสนับสนุน นอกจากนี้เรื่องดังกล่าวก็เป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.ในการเสนอญัตติดังกล่าวด้วย นางพรทิวา นาคาศัย เลขาธิการพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวว่า การที่พรรคลงชื่อสนับสนุนแค่ 2 คนเนื่องจากส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรคลงพื้นที่จึงไม่สะดวกที่จะมาร่วมลงชื่อ แต่อย่างไรก็ตามทางพรรคก็สนับสนุนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ







กำลังโหลดความคิดเห็น