ชักเข้าเค้าโทรทัศน์ “ช่องเพ็ญ” ฮั้วจ้างบริษัทเอกชนคนกันเองเข้ามาบริหารงานข่าวสถานี เผยมีข้อพิรุธหลายอย่างทั้งเรื่องที่ตั้งบริษัทและใช้หมายเลขโทรศัพท์-โทรสารเดียวกัน เตรียมเชิญมาให้ข้อมูลกราวรูด
ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่มีการตรวจพบพิรุธของสถานีวิทยุ กรมประชาสัมพันธ์ (ช่อง 11) หรือสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เอ็นบีที ว่าจ้างบริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด ร่วมผลิตรายการข่าวว่า เรื่องนี้ในส่วนของ สตง.อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น โดยข้อมูลที่อยู่ระหว่างการรวบรวมในขณะนี้ก็ใกล้เคียงกับข้อมูลที่ปรากฏในสื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาในการดำเนินการที่มีลักษณะรวบรัดจนเกินไป รวมถึงความสัมพันธ์ของนิติบุคคลที่เข้ามารับว่าจ้างงาน ซึ่งถูกระบุว่ามีสถานที่ตั้งเดียวกัน ซึ่งก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกว่ามีรายละเอียดเป็นอย่างไร และเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว หรือไม่
นายพิศิษฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ แล้ว ในเร็วๆ นี้ สตง.อาจจะต้องมีการเชิญผู้เกี่ยวข้องโดยตรง อาทิ รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เข้ามาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร และในการสืบสวนหากพบว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเชิญผู้เกี่ยวข้องในระดับนโยบาย ได้แก่ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เข้ามาให้ข้อมูลด้วยก็คงจำเป็นต้องขอความอนุเคราะห์กับบุคคลเหล่านี้ให้เข้ามาชี้แจงด้วย
“ข้อมูลที่สื่อมวลชนระบุว่ามีการตรวจพบบริษัทเอกชนที่เข้ามารับงานกับสถานีวิทยุเอ็นบีทีนั้นอาจมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบริษัทเอกชนอีก 3 แห่ง ทั้งในส่วนของบริษัทที่เข้ามาร่วมประมูลด้วย ซึ่งในข้อเท็จจริงดังกล่าวก็พอรับฟังได้ว่าจะมีพฤติการณ์ที่ส่อว่าจะมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น เนื่องจากในส่วนของบริษัทที่เข้ามาแข่งขันกัน แต่ในข้อเท็จจริงจะอ้างว่าไปเช่าตึกเดียวกันทำสำนักงานอยู่ แต่มันก็เป็นเรื่องความบังเอิญเกินไป รวมถึงการปรากฏข้อมูลว่ามีบริษัทบางแห่งใช้หมายเลขโทรสารเดียวกันด้วย ซึ่งในการตรวจสอบข้อมูลทางสตง.อาจจะต้องมีการประสานไปยังบริษัท ทีโอที จำกีด (มหาชน) เพื่อให้ยืนยันข้อมูลอย่างเป็นทางการอีกครั้งด้วย” นายพศิษฐ์ กล่าว
/0110