นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ฐานะประธานคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้ (29 เม.ย. )เวลา 9.30 น. ตนจะไปยื่นหนังสือให้กับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้สอบสวนความไม่โปร่งใสในการเข้าไปบริหารของสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ของนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่อาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนองานต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือกฎหมายป้องกันการฮั้ว ซึ่งจะขอให้ สตง. ได้สอบสวนใน 5 ประเด็น คือ
1. การจัดหาผู้ร่วมผลิตรายการเป็นไปโดยปิดกั้น ไม่เปิดกว้าง มีลักษณะของการล็อกสเปก ล็อกบริษัท 2. การดำเนินการจัดหาผู้ร่วมผลิตรายการดังกล่าวส่อว่ารัฐเสียผลประโยชน์ โดยมีการเสนอผลตอบแทนต่ำ ทำให้กรมประชาสัมพันธ์ ขาดประโยชน์อันพึงได้
3.ขั้นตอนการจัดหาผู้ร่วมผลิตรายการ มีเพียง 2 บริษัท คือ บริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด และบริษัท เคแอลทีเอ็ม มีเดีย โปรดักส์ จำกัด ที่เสนอตัวและมีการส่อว่า 2 บริษัท นั้นมีความสัมพันธ์กัน ส่อว่าเข้าข่ายการฮั้วในการพิจารณาผลการจัดหาดังกล่าว
4.คู่สัญญาของกรมประชาสัมพันธ์ที่เสนอผลตอบแทนแลกกับช่วงเวลาเสนอข่าว 9 ชั่วโมง 30 นาที ไม่มีหนังสือค้ำประกันสัญญา หรือ ธนาคารค้ำประกัน ซึ่งอาจทำให้กรมประชาสัมพันธ์ เสียหาย
5.การกำกับดูแล สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ของนายจักรภพ ส่อว่าเข้าไปแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งทางตรง และทางอ้อม และเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมั่นใจว่าสตง. จะสอบได้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ส่วนเจ้าหน้าที่ หรือ ข้าราชการที่เกี่ยวข้องนั้นขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบด้วย
"ที่ส่อพิรุธ คือ การให้ใช้เวลาทำรายการ 9 ชั่วโมง 30 นาที แล้วจ่ายให้รัฐเพียง 40 ล้านบาท ไม่ได้มีธนาคารการันตี และไม่ใช่เป็นการจ่ายที่รัฐได้เงิน 40 ล้านบาท แต่เงินส่วนใหญ่เป็นการจ้างพนักงาน เพื่อมาผลิตข่าวให้กับตัวเอง อย่างนี้ก็เข้าอีหรอบ อัฐยายซื้อขนมยาย"
นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากคณะทำงานยังอยู่ระหว่างการสอบสวนนายจักรภพ มีพฤติกรรมส่อเข้าไปแทรกแซงการบริหารคลื่นวิทยุ เอฟเอ็ม ของกรมประชาสัมพันธ์ กรณีการถอดรายการมุมมองของเจิมศักดิ์ ที่มี บริษัท ฟาติมาบรอดคาสติ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นคู่สัญญากับกรมประชาสัมพันธ์ ที่ส่อว่าจะมีไอ้โม่งที่มีอำนาจในรัฐบาล ใช้อำนาจเข้าไปแทรกแซง และต่อรองเพื่อให้งดออกอากาศรายการมุมมองของเจิมศักดิ์ กับโอกาสในการทำธุรกิจของบริษัทดังกล่าว ทั้งนี้ ได้มีหลักฐานเป็นเบอร์โทรศัพท์ ที่ใช้ติดต่อ ต่อรอง ทั้งนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน และจะสรุปผลการสอบสวนในปลายสัปดาห์หน้า
"ผมจะให้โอกาส คุณจักรภพ มาชี้แจงต่อคณะทำงานในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้การสอบสวนของคณะทำงานพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งคุณจักรภพแต่อย่างใด ซึ่งหากผลสอบพฤติกรรมที่ผิดชัด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องรับผิดชอบ และอาจพิพากษาให้ถอดจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ของบุคคลที่ขึ้นมาอำนาจต่อได้ใช้สื่อมวลชนของรัฐเป็นเครื่องมือ" นายอลงกรณ์กล่าว
1. การจัดหาผู้ร่วมผลิตรายการเป็นไปโดยปิดกั้น ไม่เปิดกว้าง มีลักษณะของการล็อกสเปก ล็อกบริษัท 2. การดำเนินการจัดหาผู้ร่วมผลิตรายการดังกล่าวส่อว่ารัฐเสียผลประโยชน์ โดยมีการเสนอผลตอบแทนต่ำ ทำให้กรมประชาสัมพันธ์ ขาดประโยชน์อันพึงได้
3.ขั้นตอนการจัดหาผู้ร่วมผลิตรายการ มีเพียง 2 บริษัท คือ บริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด และบริษัท เคแอลทีเอ็ม มีเดีย โปรดักส์ จำกัด ที่เสนอตัวและมีการส่อว่า 2 บริษัท นั้นมีความสัมพันธ์กัน ส่อว่าเข้าข่ายการฮั้วในการพิจารณาผลการจัดหาดังกล่าว
4.คู่สัญญาของกรมประชาสัมพันธ์ที่เสนอผลตอบแทนแลกกับช่วงเวลาเสนอข่าว 9 ชั่วโมง 30 นาที ไม่มีหนังสือค้ำประกันสัญญา หรือ ธนาคารค้ำประกัน ซึ่งอาจทำให้กรมประชาสัมพันธ์ เสียหาย
5.การกำกับดูแล สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ของนายจักรภพ ส่อว่าเข้าไปแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งทางตรง และทางอ้อม และเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมั่นใจว่าสตง. จะสอบได้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ส่วนเจ้าหน้าที่ หรือ ข้าราชการที่เกี่ยวข้องนั้นขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบด้วย
"ที่ส่อพิรุธ คือ การให้ใช้เวลาทำรายการ 9 ชั่วโมง 30 นาที แล้วจ่ายให้รัฐเพียง 40 ล้านบาท ไม่ได้มีธนาคารการันตี และไม่ใช่เป็นการจ่ายที่รัฐได้เงิน 40 ล้านบาท แต่เงินส่วนใหญ่เป็นการจ้างพนักงาน เพื่อมาผลิตข่าวให้กับตัวเอง อย่างนี้ก็เข้าอีหรอบ อัฐยายซื้อขนมยาย"
นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากคณะทำงานยังอยู่ระหว่างการสอบสวนนายจักรภพ มีพฤติกรรมส่อเข้าไปแทรกแซงการบริหารคลื่นวิทยุ เอฟเอ็ม ของกรมประชาสัมพันธ์ กรณีการถอดรายการมุมมองของเจิมศักดิ์ ที่มี บริษัท ฟาติมาบรอดคาสติ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นคู่สัญญากับกรมประชาสัมพันธ์ ที่ส่อว่าจะมีไอ้โม่งที่มีอำนาจในรัฐบาล ใช้อำนาจเข้าไปแทรกแซง และต่อรองเพื่อให้งดออกอากาศรายการมุมมองของเจิมศักดิ์ กับโอกาสในการทำธุรกิจของบริษัทดังกล่าว ทั้งนี้ ได้มีหลักฐานเป็นเบอร์โทรศัพท์ ที่ใช้ติดต่อ ต่อรอง ทั้งนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน และจะสรุปผลการสอบสวนในปลายสัปดาห์หน้า
"ผมจะให้โอกาส คุณจักรภพ มาชี้แจงต่อคณะทำงานในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้การสอบสวนของคณะทำงานพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งคุณจักรภพแต่อย่างใด ซึ่งหากผลสอบพฤติกรรมที่ผิดชัด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องรับผิดชอบ และอาจพิพากษาให้ถอดจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ของบุคคลที่ขึ้นมาอำนาจต่อได้ใช้สื่อมวลชนของรัฐเป็นเครื่องมือ" นายอลงกรณ์กล่าว
