วันนี้ (14 พ.ค.) แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้ประชุมหารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่บ้านพระอาทิตย์ หลังจากนั้น เวลาประมาณ 12.30 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ได้อ่านแถลงการณ์พันธมิตรฯ ฉบับที่ 8/2551 ดังนี้
แถลงการณ์ฉบับที่ 8/2551
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เรื่อง
หยุดสร้างเงื่อนไขรัฐประหาร!
ชมวิดีโอคลิป การแถลงของพันธมิตรฯ ( 56 k ) | ( 256 K )
ตามที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เคยออกแถลงการณ์และเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่อง ในการต่อต้านการกระทำของรัฐบาลหุ่นเชิด ที่กลั่นแกล้งข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริต โยกย้ายข้าราชการสร้างรัฐตำรวจเพื่อตัดตอนกระบวนการยุติธรรมก่อนถึงศาล แทรกแซงและคุกคามองค์กรอิสระ ครอบงำสื่อสารมวลชน มีพฤติกรรมสนับสนุนการกระทำอันเป็นอันธพาล นำบุคคลที่ไม่เหมาะสมมาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนจะดำเนินการถึงขั้นฉีกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่มาจากการลงประชามติขอประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศกว่า 14 ล้าน 7 แสนเสียงเพียงเพื่อตัดตอนให้ตัวเองและพวกพ้องพ้นผิดจากคดีทุจริต และคดียุบพรรคการเมืองเท่านั้น
บัดนี้ยังได้ปรากฏเหตุการณ์เป็นที่เพิ่มเติมว่า ได้เกิดขบวนการคุกคามต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่องจนอยู่ในภาวะอันตรายอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ต่อสื่อสารมวลชนหลายแขนง และต่อประชาชนโดยทั่วไป ทั้งในรูปแบบของการแสดงออก การให้สัมภาษณ์ การลงข้อความและรูปภาพในเว็บไซต์ ใบปลิว นิตยสาร ซีดี อีกทั้งรัฐบาลชุดนี้กลับปล่อยให้มีรัฐมนตรีบางคนที่มีทัศนคติเป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาเข้าร่วมบริหารงานในรัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้อีกด้วย จึงถือเป็นภัยต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างยิ่งที่ปราศจากการเอาใจใส่ในการแก้ไขปัญหาโดยรัฐบาลแม้แต่น้อย อันเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 ในมาตรา 70 ที่บัญญัติเอาไว้ว่า “บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้” และกระทำการที่ขัดต่อมาตรา 175 ที่บัญญัติเอาไว้ว่า ก่อนเข้ารับหน้าที่รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้ “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
ไม่เพียงแต่เท่านั้น ยังปรากฏอีกว่า รัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบทักษิณยังปล่อยให้รัฐบาลกัมพูชายื่นเรื่องให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียวโดยปราศจากการเข้าร่วมยื่นบริเวณรอบเขาพระวิหารจากฝ่ายไทย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการเสียอธิปไตยของชาติอย่างชัดเจนดังที่เคยเกิดข้อผิดพลาดในการต่อสู้ทางกฎหมายจนประเทศไทยต้องเสียปราสาทเขาพระวิหารมาแล้วในปี พ.ศ.2505
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปรากฏหลักฐานในสื่อสารมวลชนของกัมพูชาว่านายจาม ประสิทธิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชาให้สัมภาษณ์ว่า “ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายที่พยายามโยงกรณีพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหารเข้ากับผลประโยชน์ทางทะเลในอ่าวไทยระหว่างการเจรจากับฝ่ายกัมพูชา” หลักฐานดังกล่าวยิ่งทำให้ประชาชนที่รักชาติ รักแผ่นดิน ประจักษ์ชัดว่าขบวนการขายชาติขายแผ่นดินได้เกิดขึ้นจริงแล้ว โดยนักการเมืองใหญ่แห่งระบอบทักษิณอยู่เบื้องหลัง
ในขณะที่เกิดวิกฤตการณ์ต่ออธิปไตยชาติ และภัยต่อการคุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์ ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลหุ่นเชิดนอกจากจะไม่เร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้แล้ว กลับบริหารจัดการเศรษฐกิจของชาติล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงจนประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ทั้งการบริหารจัดการให้ราคาข้าวสารของโรงสีและผู้ส่งออกมีราคาแพงขึ้น ประกาศขึ้นราคาน้ำตาลเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับโรงงานน้ำตาลและนักการเมืองบางคน ราคาน้ำมันแพงขึ้นจนอัตราเงินเฟ้อพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง ในขณะที่ชาวนาและเกษตรกรต้องออกมาประท้วงรายวันเพราะผลผลิตที่ขายให้โรงงานและพ่อค้ามีราคาตกต่ำอย่างไร้ซึ่งการดูแลเอาใจใส่จากรัฐบาล
ในสถานการณ์อันเป็นวิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้ค่าแรงขั้นต่ำกลับขึ้นได้เพียงเล็กน้อยไม่สอดคล้องกับภาวะข้าวยากหมากแพงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จึงเป็นการตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งว่ารัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้ไม่ได้ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของคนไทยทั้ง 63 ล้านคนแต่ประการใด แต่กลับหาผลประโยชน์ให้คนเพียงบางกลุ่มแลกกับความเดือดร้อนของคนไทยทั้งชาติอย่างโหดเหี้ยมและอำมหิต
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงได้มาประชุมกันเพื่อกำหนดจุดยืนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดังต่อไปนี้
1. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอยืนยันเพิ่มเติมว่า
ปัญหาการเร่งปฏิบัติการของขบวนการคุกคามและบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยรัฐบาลไม่แยแสและไร้จิตสำนึกในความรับผิดชอบก็ดี ปัญหาการขายชาติขายแผ่นดินบริเวณพื้นที่โดยรอบเขาพระวิหารเพื่อแลกผลประโยชนส่วนตัวจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยก็ดี การฉีกรัฐธรรมนูญโดยหยิบยกประเด็นทางศาสนามาเป็นเครื่องมือทางการเมืองก็ดีและความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพงที่มุ่งเน้นประโยชน์ของนายทุนผูกขาดหน้าเลือดจนประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าก็ดี ล้วนแล้วเป็นเงื่อนไขที่จะก่อให้เกิดการรัฐประหารทั้งสิ้น
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงมีมติ ประณามการกระทำอันชั่วร้ายของรัฐบาลหุ่นเชิดเหล่านี้ ดังนั้น หากมีการรัฐประหารเกิดขึ้นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถือว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลหุ่นเชิดทั้งสิ้น และยังคงยืนยันว่า การกระทำของรัฐบาลหุ่นเชิดนั้นก็เพื่อประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้องเพียงไม่กี่คน ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงเป็นปัญหาหลักของแผ่นดินไทยต่อไป
2. การที่เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน ผู้บริโภค ผู้ประกอบการรายย่อย ข้าราชการชั้นผู้น้อยและประชาชนผู้ยากไร้ ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพราะความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอสนับสนุนอย่างเต็มที่
บัดนี้ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งบุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70 ได้เข้าสู่วิกฤต ตกอยู่ในห้วงอันตรายอย่างยิ่งแล้ว อันเป็นการตอกย้ำดังที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เคยออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2551 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2551 เรื่อง “กลียุคมาแล้ว” อย่างชัดเจน
ด้วยจิตคารวะ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
14 พฤษภาคม 2551