“ชัย” โอ่เป็นเพราะมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีเรื่องด่างพร้อย ทำให้ ส.ส.มีความศรัทธาเลือกเป็นประธานสภาผู้แทนฯ ปัดอานิสงส์ต่างตอบแทนให้ “ลูกยี้ห้อย” ยันไม่กระทบคดีบุกรุกที่ดินรถไฟ ชี้ สู้กันยาว ย้ำงานแรกในเก้าอี้ คือ สร้างความสมานฉันท์ในหมู่ ส.ส.-สร้างอาคารรัฐสภาใหม่
วันนี้ (12 พ.ค.) นายชัย ชิดชอบ ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังได้รับเลือกเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ ว่า เรื่องสำคัญที่สุดที่จะทำหลังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง คือ การทำให้สภาผู้แทนราษฎรมีความสามัคคีและสมานฉันท์ แต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะทำอย่างไร ขอให้ติดตามดูเอง และอีกเรื่องที่ตั้งใจจะดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรม คือ จะสานต่อเรื่องการหาสถานที่สร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ให้เรียบร้อย
“จะพยายามสร้างให้เสร็จในสมัยผม ถ้าไม่มีเหตุการณ์อื่นเปลี่ยนแปลง สภาชุดนี้มีโอกาส และไม่จำเป็นต้องไปศึกษาใหม่ เพราะเรื่องมีอยู่หมดแล้วในสภาฯ ทราบว่ามี 4 แห่ง แต่เราจะมาปัดฝุ่น ไม่กี่พันล้าน คงจะทำได้ และหวังว่าสื่อคงไม่โจมตี” นายชัย กล่าว
สำหรับผลการลงคะแนนที่มีการงดออกเสียงถึง 12 เสียงนั้น นายชัย กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าใครงดออกเสียงบ้าง แต่คิดว่าคงจะเป็นฝ่ายค้าน ส่วนตัวไม่ได้ติดใจ เพราะประชาธิปไตยก็ต้องเป็นอย่างนี้ และเสียงที่สนับสนุนของพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นไปในทางเดียวกัน คือ 283 เสียง เชื่อว่า ในส่วนของพรรคชาติไทยไม่ได้มีปัญหา เพราะ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย เป็นผู้นำทีมมาลงคะแนนเอง
“ที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ไม่ได้มาลงคะแนนให้ผม เพราะติดภารกิจที่ได้นัดหมายเอาไว้ก่อน และการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้บางคนก็ไม่ได้รับหนังสือ เพราะไม่ทราบล่วงหน้า ดังนั้น จึงไม่ได้รู้สึกน้อยใจนายบรรหาร เพราะทราบนิสัยดี” นายชัย กล่าว
ส่วนจะต้องเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อให้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น นายชัย กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร และเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องแล้วแต่รัฐบาล ต้องแล้วแต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นหลัก ว่าต้องการประชุมด่วนหรือไม่ มีความร้อนแรงแค่ไหน
ต่อข้อถามถึงความเป็นกลางในการทำหน้าที่นั้น นายชัย ย้อนถามว่า ความเป็นกลางอยู่ตรงไหน ตนยังไม่เห็น ดังนั้น ต้องดูว่าความเป็นกลางคืออะไร นอกจากนี้ นายชัย ยังมั่นใจว่า การดำรงตำแหน่งประธานสภา จะไม่มีปัญหาเรื่องคดีบุกรุกที่ดินที่ จ.บุรีรัมย์ เพราะการรถไฟแห่งประเทศไทย ยังไม่ได้ฟ้องดำเนินคดี และหากมีการฟ้องจะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์อีกนานกว่าจะถึงขั้นฎีกา เชื่อว่าหมดวาระการเป็น ส.ส.ไป 3-4 สมัย ก็คงยังฟ้องไม่จบ
“ผมยืนยันว่า ที่ดินดังกล่าวผมอยู่มากว่า 40 ปี และมีชาวบ้านอยู่กว่า 1,700 คน กรมที่ดินได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบและรังวัดไปแล้ว ได้ข้อสรุปให้การรถไฟฯ เป็นผู้ฟ้องร้องเอง ดังนั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวพันกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรอย่างแน่นอน แต่เป็นความพยายามที่จะทำลายผม และไม่ให้เกิดทางการเมือง” นายชัย กล่าว
สำหรับเสียงวิจารณ์ว่า นายชัย ได้รับการเลือกเป็นประธานสภาครั้งนี้ เป็นสมนาคุณที่พรรคพลังประชาชนมอบให้ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นบุตรชาย นายชัย กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง หากตนไม่มีความสามารถ คงไม่มีมนุษย์หน้าไหนหลงงมงายที่จะยอมถูกบังคับให้มาเลือก หรือจูงใจให้มาเลือก แต่ที่ได้รับเลือกเพราะ ส.ส.มีความศรัทธา และด้วยความดี ความซื่อสัตย์สุจริต เป็น ส.ส.มาตั้งแต่ปี 2512 ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ไม่เคยหนีการประชุมสภาฯ พร้อมปฏิเสธข่าวที่ว่ามีการตกลงกันกับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ว่า จะดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร คนละ 2 ปี
“ไม่มีเรื่องนี้ ในพรรคได้มีการพูดคุยกันแล้ว เว้นเสียแต่ว่า ผมจะรู้สึกว่าตัวเองอายุมากแล้ว สมควรแก่เวลาที่จะลงจากตำแหน่ง แต่ตอนนี้ยืนยันว่ายังแข็งแรง และจำ ส.ส.ได้เป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้เป็นโรคความจำเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ และยังสามารถเตะปี๊ปได้ 10 ใบ” นายชัย กล่าว
/0110