มท.1 โต้พรรคประชาธิปัตย์ ค้านแนวคิดปรับโครงสร้าง กทม.ยันเป็นเพียงแนวคิดยุ่งอะไรด้วย ยอมรับเป็นการอวดภูมิปัญญา ปั่นหัวสมาชิกแก๊งลูกกรอกให้เคลิ้มตามไปพลางๆ
วันนี้ (6 พ.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาคัดค้านแนวคิดในการปรับโครงสร้างกรุงเทพมหานคร ออกเป็น 4 ส่วน ว่า ตนไม่เข้าใจพรรคประชาธิปัตย์ และวันนี้ก็ไม่เข้าใจ เรื่องปรับปรุงโครงสร้างกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเพียงแนวคิดหนึ่งที่ได้ไปบรรยายในการประชุม ส.ก.และ ส.ข.ของพรรคพลังประชาชน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนก็ต้องใช้ความเป็นดอกเตอร์ที่ตนอุตส่าห์ไปเรียนมาไปอธิบายให้เขาฟังว่ามี 3-4 แนวทาง คือ 1.เหมือนเดิม 2.ถ้าใหญ่ไปก็ให้มีผู้ว่าฯ กทม.2 คน 3. หรือว่าจะเอาเป็นกระทรวงนครหลวง และ 4.กระทรวงท้องถิ่น ซึ่งตนก็พูดเชิงวิชาการ และก็เป็นการบรรยายไม่ใช่เป็นการให้สัมภาษณ์และก็ได้มอบให้ ส.ก.ไปพิจารณา
“พรรคประชาธิปัตย์ออกมาบอกว่าขัดกฎบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 284 ซึ่งมาตรา 284 หมายความว่า องค์กรส่วนท้องถิ่นมีอำนาจทำอะไรไม่ทำอะไร ไม่ใช่เกี่ยวกับการร่างกฎหมาย ไปไกลขนาดถึงกฎหมายเลือกตั้งกฎหมายฉบับนี้กว่าจะเข้าสู่สภา ตุลาคมก็ไม่ทัน แต่ผมไปบรรยายเชิงวิชาการ สิทธิของผม ของพรรคผม แล้วพรรคประชาธิปัตย์มายุ่งอะไร ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ หากผมเสนอเข้าสภา คุณไม่เห็นด้วยก็ไปอภิปรายในสภา ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐมนตรีมหาดไทยคิดอะไรไม่ได้เลยหรือ ซึ่งเขาเชิญผมไปบรรยายผมก็บอกว่าผมพูดในฐานะสมาชิกพรรคไม่ใช่ในฐานะรัฐมนตรีเพราะว่าเดี๋ยวเป็นประเด็นการเมือง ผู้สื่อข่าวเห็นว่าเป็นประเด็นก็นำไปรายงานข่าว จะเป็นจะตายกันทั้งพรรค จะเป็นอะไรกันนักกันหนาพรรคประชาธิปัตย์” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เมื่อถามว่าจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ เพราะว่ามีความสอดคล้องกับแนวคิดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ถ้าพรรคพลังประชาชนเห็นด้วยมันก็ง่าย ซึ่งตนให้ภาค กทม.ไปดูแล้ว ถามต่อว่าจะใช้โมเดลประเทศไหน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า รูปแบบของการเปลี่ยนโครงสร้าง กทม.มีด้วยกันหลายแนวทาง เช่น การบริหารงานในรูปแบบเดิม การเพิ่มจำนวนผู้ว่าฯ กทม.การตั้งกระทรวงนครหลวง หรือตั้งกระทรวงท้องถิ่น เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ และเห็นว่าจะต้องมีการทำประชาพิจารณ์ก่อน
ร.ต.อ.เฉลิม ยอมรับว่า ทุกครั้งที่จะมีการเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารงานจะมีการหวังผลทางการเมือง แต่ก็จะต้องถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เหตุที่เสนอให้ปรับโครงสร้าง กทม.เนื่องจากปัจจุบัน กทม.มีขนาดใหญ่เกินกำลังผู้ว่าฯ เพียงคนเดียวจะสามารถดูแลได้ทั่วถึง ทั้งงบประมาณกว่า 5.3 หมื่นล้านบาท ที่เป็นงบกทม.ส่วนงบจากกระทรวง ทบวง กรม ที่ต้องลงไปอีก เป็นแสนล้าน ซึ่งยังไม่มีข้อยุติเมื่อถามว่า กรณีที่เสนออย่างนี้เผื่อไว้ในการลงผู้ว่าหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตน 60 แล้ว เป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยแล้วไม่เป็นผู้ว่าฯแล้ว เรื่องนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี คงไม่ไปไกลถึงขั้นที่จะรู้ว่าจะแพ้การเลือกตั้ง (ผู้ว่าฯ กทม.)” รมว.มหาดไทย กล่าว
