31 ส.ว.ตบเท้าเข้าชื่อ ยื่นศาล รธน. เชือด “วิรุฬ” พ้นตำแหน่ง กรณีถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ดาหน้าแฉ “ยุทธ ตู้เย็น” ลาออก ปธ.สภา ไม่เกี่ยวสปริตแต่เปิดทางนอมินี คุมเกมแก้ รธน. ชี้บทเรียนอดีตผู้นำถูกโค่นล้มเพราะวิกฤต รธน.มาแล้ว
วันนี้ (2 พ.ค.) ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา และนางรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. แถลงข่าวถึงการดำเนินการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพของนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ หลังพบว่าถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ โดยนายสมชาย กล่าวว่า จากการยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของนายวิรุฬ ปรากฏว่าได้ยื่นแสดงว่ามีเงินลงทุนในบริษัท ทรัพย์วัฒนา จำกัด จำนวน 22,000 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งสิ้น 200,000หุ้น คิดเป็นร้อยละ 11 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด ซึ่งเป็นการถือหุ้นเกินกว่า ร้อยละ 5 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จำหน่ายได้ในบริษัทฯ ซึ่งถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 269 ประกอบ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 มาตรา 5 ทำให้ความเป็นรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามมาตรา 182 (7) และวรรคสาม ได้กำหนดให้บทบัญญัติใมนมาตรา 91 และ 92 มาบังคับใช้การสิ้นสุดของรัฐมนตรี ตามมาตรา 182 วรรคหนึ่ง (2) (3) (5) หรือ (7) โดยให้ ส.ส.หรือ ส.ว. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดของแต่ละสภา ดังนั้น ทั้ง 31 ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อเห็นว่าเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะมีขึ้นจากการดำรงตำแหน่งของ รมช.พาณิชย์ ส.ว.จึงได้เข้าชื่อร้องต่อประธานวุฒิสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ส.ว.ทั้ง 31 คนที่ร่วมลงชื่อมีทั้ง ส.ว.สรรหา และส.ว.เลือกตั้ง อาทิ นายตวง อัณทะไชย ส.ว.สรรหา น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี นายสาย กังคเวคิน ส.ว.ระยอง นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช พล.อ.อ.อาคม กาญจนหิรัญ ส.ว.สรรหา เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ในการประชุมวุฒิสภา ช่วงเช้า นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ได้แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อรับทราบว่าทาง ป.ป.ช.ได้ส่งเอกสารกรณีที่นายวิรุฬ รมช.พาณิชย์ ถือหุ้นเกินร้อยละ 5 เพื่อให้ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว พร้อมได้นำเอกสารแจกจ่ายให้สมาชิก และกำชับว่าหลังจากดูเสร็จแล้วขอให้ส่งเอกสารกลับคืน เพื่อนำมาทำลาย เนื่องจากเป็นเอกสารลับ
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าพรรคพลังประชาชน ต้องการส่งตัวแทนเข้ามาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อคุมเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายประสาร กล่าวว่า การลาออกของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ไม่ใช่การแสดงสปิริต แต่เป็นเกมที่ต้องการส่งคนของตัวเองเข้ามารวบหัวรวบหางแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามที่ฝ่ายตัวเองต้องการเท่านั้น ขณะที่ น.ส.รสนา กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 50 นั้นถูกวิจารณ์ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น การแก้ไขต้องดำเนินการโดยกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย หากพรรคพลังประชาชนต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของคนทั้งชาติจริงต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย และกระบวนการประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะยุติ และปลดล็อกไม่ให้สังคมเข้าสู่วิกฤตได้ แต่หากยังอ้างคะแนนเสียงที่ได้จากการเลือกตั้งแล้วใช้วิถีทางการเมืองดำเนินการการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเป็นเงื่อนไขไปสู่วิกฤตการณ์ครั้งใหม่อย่างแน่นอน
นายสมชาย กล่าวว่า หากนายยงยุทธต้องการแสดงสปิริตจริงสามารถทำได้นานแล้ว แต่ที่เพิ่งจะลาออกในช่วงที่กำลังจะปิดสมัยประชุมแสดงให้เห็นเจตนาว่าพรรคพลังประชาชน ต้องการส่งตัวแทนของตัวเองเข้ามาเพื่อบรรจุวาระการแก้รัฐธรรมนูญให้ทันก่อนปิดสมัยประชุม ซึ่งหากต้องการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อส่วนรวมอย่างที่กล่าวอ้างก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องรีบเร่งแบบนี้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาประเทศชาติเกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญมาแล้วหลายครั้งจากที่ผู้มีอำนาจต้องการแก้ไขโดยไม่สนใจเสียงประชาชน
