xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ” จี้ “เพ็ญ” แจงเสื้อรณรงค์ “ไม่ยืน” โผล่ NBT - “หมัก” ด่า “คนหัวเถิก” กระทบ “ปีย์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยามเฝ้าแผ่นดิน” ยันตั้งคำถาม “เอ็นบีที” ตีปี๊บข่าวเนปาลทำตามหน้าที่ หลังมีข้อสงสัยกันมาก จี้ “เพ็ญ” แจงอีก กรณีผู้ร่วม “กรองสถานการณ์” สวมเสื้อรณรงค์ “ไม่ยืน” ออกจอนานถึง 2 เบรก เชื่อ “หมัก” เหน็บคน “หัวเถิก” หมายถึง “ปีย์ มาลากุลฯ” พร้อมย้ำไม่ได้กล่าวหานายกฯ ไม่จงรักภักดี แต่อยากให้ตรวจสอบข้อมูล

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย คำนูณ สิทธิสมาน, สโรชา พรอุดมศักดิ์  ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย คำนูณ สิทธิสมาน, สโรชา พรอุดมศักดิ์   ช่วงที่ 2


รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 28 เม.ย. นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา และนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมดำเนินรายการ โดยในช่วงแรกได้กล่าวถึงกรณีที่ผู้ดำเนินรายการได้ตั้งข้อสังเกตถึงการเสนอข่าวเลือกตั้งเนปาลของโทรทัศน์เอ็นบีทีเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้กล่าวหาใคร เพียงแต่มีหลายคนพูดคุยถึงเรื่องนี้และถามว่าจะทำอะไรได้บ้าง จึงต้องนำข้อมูลมาเรียงร้อยให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น

ซึ่งนอกจากนี้แล้วยังมีคอลัมน์ของ “ไฟเย็น” หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ตั้งข้อสังเกตถึงกรณีดังกล่าวและให้ข้อมูลว่า เอ็นบีทียังได้นำเสนอรายงานเรื่องการปฏิวัติฝรั่งเศส และการต่อสู้กับระบอบกษัตริย์ของนายทหารคนหนึ่งในอังกฤษด้วย

นอกจากนั้น ในวันต่อมายังมีกรณีที่ นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ไปรับทราบข้อกล่าวหาทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีที่ไม่ยืนทำความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ และขณะอยู่ที่ สน.ปทุมวัน ก็มีการชูป้ายสนับสนุนเป็นภาษาไทยและภาษชาอังกฤษและสวมเสื้อพ่นข้อความว่า “ไม่ยืน ไม่ใช่อาชญากร คิดต่าง ไม่ใช่อาชญากรรม”

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ตนตั้งใจที่จะพูดเรื่องนี้เพื่อจะบอกว่าอย่าไปประมาทความคิดบางอย่างที่เผยแพร่ในเว็บไซต์บางแห่งและการเคลื่อนไหวในหมู่คนหนุ่มสาวบางกลุ่มที่ควบคู่ไปกับการต่อต้านรัฐประหาร 19 ก.ย.นั้น มีอยู่จริง ตนเคยพูดทั้งในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และพูดทางเอเอสทีวี กรณีนายโชติศักดิ์ เป็นรูปธรรมอันหนึ่งในการคงอยู่ของขบวนการเรื่องนี้

กรณีที นายโชติศักดิ์ ไปร้องเรียนที่สภาการหนังสือพิมพ์และองค์กรเอกชนด้านสื่อว่า “ผู้จัดการและเอเอสทีวี” เสนอข่าวว่าเขาเป็นแกนนำ นปก.ไม่เป็นเรื่องจริงนั้น นายคำนูณกล่าวว่า อยากให้ไปร้องเรียนและพร้อมจะชี้แจง ข้อมูลของตนอาจผิดพลาดเรื่องการใส่เสื้อแดงหรือเสื้อดำ แต่จากข่าวที่ปรากฏนายโชติศักดิ์ เคยเคลื่อนไหวร่วมกับ นปก.อย่างแน่นอน และอยู่ในขบวนการเดียวกันมาตั้งแต่การต่อต้านรัฐประหาร ซึ่งนายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่ม 19 กันยาต่อต้านรัฐประหารที่นายโชติศักดิ์ สังกัดอยู่ ก็ไปเป็นแกนนำ นปก.รุ่น 2 ด้วย

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า การที่นายโชติศักดิ์ปฏิเสธว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องกับ นปก.เหมือนเป็นการตัดตอนไม่ให้โยงไปถึงแกนนำ นปก.ซึ่งบางคนก็ได้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ สอดคล้องกับกรณีที่เว็บไซต์ ไฮ-ทักษิณ ปิดตัวเองลงเพื่อตัดตอนไม่ให้ไปถึงตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กรณีที่มีการดูหมิ่น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ หลังจากที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาบอกว่าห้ามอ้างชื่อและปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่หมิ่นเหม่ และการกระทำที่ไม่เรียบร้อย เช่น โชว์อวัยวะบางส่วนของร่างกาย เป็นต้น

กรณีที่ นายจักรภพ เพ็ญเข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ชี้แจงว่า การเสนอข่าวเลือกตั้งเนปาลของเอ็นบีทีเป็นเรื่องปกติ ใครๆ ก็ทำนั้น นายคำนูณกล่าวว่า ถ้านายจักรภพจะชี้แจง ก็อยากให้ชี้แจงตั้งแต่ต้น ไม่ใช่ปล่อยให้เวลาผ่านเลยมา และอยากให้ชี้แจงให้หมดทุกประเด็น

ส่วนกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” เมื่อวันอาทิตย์ กล่าวหาว่าเอเอสทีวีด่าว่าไม่จงรักภักดีนั้น นายคำนูณ กล่าวว่า ตนพูดถึงนายสมัครด้วยความปรารถนาดี ในฐานะที่เป็นคนจงรักภักดี สิ่งที่ตนพูดไปเกี่ยวกับการเสนอข่าวของเอ็นบีทีและขบวนการต่างๆ นั้น นายสมัครไม่จำเป้นต้องเชื่อก็ได้ แต่ขอเรียกร้องให้ตรวจสอบความเป็นจริงทั้งหมด แล้วพิจารณาว่าจะเชื่อหรื่อไม่

เชื่อด่าคนหัวเถิก เหน็บ “ปีย์ มาลากุล”

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า เสียดายที่นายสมัครตีความคำพูดของตนผิด ไม่ทราบว่าเป็นเพราะไปเชื่อใครบางคนหรือไม่ แล้วนายสมัครยังไปเอ่ยถึงคนที่อยู่เบื้องหลัง คือ “คนหัวเถิก” ซึ่งทำให้มีคำถามว่าหมายถึงใครกันแน่ ซึ่งทีแรกบางคนอาจนึกถึงนายสุทธิชัย หยุ่น หรือนายสนธิ ลิ้มทองกุล แต่ก็ไม่น่าจะใช่ และเมื่อดูเรื่องราวทั้งหมดแล้วเข้าใจว่านายสมัครคงไม่ยอมรับหรอกว่าหมายถึงใคร แต่ก็พอจะอนุมานได้ว่า นายสมัครกำลังพูดถึงนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา เจ้าของบริษัท แฟซิฟิก คอร์ปอเรชั่น จำกัด

นายคำนูณ ชี้ว่า เรื่องนี้มีความบังเอิญที่มีคอลัมนิสต์ใช้นามปากกาว่า “กาหลิบ” เขียนวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงเหน็บแนมนายปีย์ ในหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ ฉบับวันที่ 18 เม.ย. 2551 ว่า นายปีย์เป็นพีอาร์แมเนเจอร์ให้กับระบอบอำมาตยาธิปไตยแบบเดียวกับ พล.ต.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งนามปากกานี้ นายจักรภพ เพ็ญแข เคยใช้เมื่อครั้งที่เขียน์คอลัมน์ให้กับ นสพ.ผู้จัดการรายสัปดาห์อยู่ระยะหนึ่ง และมีแนวโน้มสูงว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่เขียนใน นสพ.โลกวันนี้ เพราะฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่นายจักรภพ อาจจะให้ข้อมูลกับนายสมัคร เมื่อถูกถามกรณีเอ็นบีทีเสนอข่าวดังกล่าว

“คุณสมัครจะรู้จักคุณปีย์หรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่การเอ่ยชื่อคนหัวเถิก จากที่ผมอยู่ในวงการมานาน ผมไม่คิดเป็นคนอื่นเลย และเชื่อว่าคนวงในที่รู้อะไรเป็นอะไร ร้อยละ 99.99 เชื่อว่าคุณสมัครหมายถึงคุณปีย์”

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า นายปีย์นั้น ถือเป็นผู้ปฏิวัติวงการข่าวโทรทัศน์ไทย เมื่อปี 2527 ผลงานที่โดดเด่นอีกด้านคือการทำวิทยุจราจร จส.100 ในปี 2534 เป็นจุดกำเนิดของวิทยุเพื่อมวลชน และถือว่านายปีย์เป็นคหบดีที่รักชาติรักบ้านเมือง และสถาบันมากที่สุดคนหนึ่ง แต่ชอบอยู่เงียบๆ จนมาเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อมีชื่อปรากฏในหนังสือเรื่อง “พระราชอำนาจ” ที่นายประมวล รุจนเสรี เป็นคนเขียน โดยนายปีย์นั้นเป็นคนอัญเชิญกระแสพระราชดำรัสเกี่ยวกับหนังสือดังกล่าวว่า “เราอ่านแล้ว เราชอบมาก เขียนได้ดี เขียนได้ถูกต้อง ให้ไปบอกเขาว่า เราชอบมาก” ไปบอกนายประมวล

นอกจากนี้ นายปีย์ยังได้รับพระราชทานยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ขั้นสูงสุด เป็นทุติยจุลจอมเกล้า เป็นเครื่องราชฯ ที่ในพระราชทานตามพระราชอัธยาศัย ส่วนภรรยา คือท่านผู้หญิงอารียา มาลากุล ณ อยุธยา ก็ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ตระกูลจุมจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ เมื่อ 2547 ได้ถวายงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

อย่างไรก็ตาม นายคำนูณกล่าวว่า นายปีย์ไมได้เกี่ยวข้องหรืออยู่เบื้องหลังเอเอสทีวี ที่ตนตั้งคำถามในเรื่องนี้ ก็เพราะเป็นหน้าที่ที่จะต้องตั้งคำถาม เมื่อมีเรื่องที่ควรถาม ถ้าจะหลบเลี่ยง นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องเสี่ยง ก็ทำได้ แต่ในที่สุดจะตอบคำถามตัวเองไม่ได้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านนี้เมืองนี้

จี้ “เพ็ญ” แจงอีก เสื้อเรียกร้อง “ไม่ยืน” หรากลางจอ

ต่อมานายคำนูณ ได้หยิบยกกรณีที่ผู้ร่วมรายการ “กรองสถานการณ์” ที่ออกอากาศทาง เอ็นบีที เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 เม.ย. ตอน “ทำท้อง ทำแท้ง” ซึ่งปรากฏว่านางสาวจิตรา คชเดช ผู้ร่วมรายการคนหนึ่งได้สวมเสื้อที่มีข้อความ “ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร คิดต่าง ไม่ใช่อาชญากรรม” มาออกรายการด้วย เสื้อดังกล่าวมีข้อความเหมือนกับที่นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ใส่ไปรับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชารนุภาพ ที่ สน.ปทุมวัน เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ทุกประการ และใส่ออกรายการอยู่ถึง 2 เบรกจนกระทั่งเบรกสุดท้ายจึงเอาเสื้อแจ๊กเก็ตมาสวมทับ

นายคำนูณ กล่าวว่า กรณีนี้เจ้าหน้าที่ของรายการอาจจะไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น แต่ก็คงไม่มีใครคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในสถานีโทรทัศน์ที่ได้ชื่อว่า เป็นโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าหน้าที่เป็นข้าราชการจะไม่รู้ไม่เห็น จึงอยากจะให้นายจักรภพชี้แจงเรื่องนี้ด้วย

กรณีที่นายจักรภพอ้างว่า ไม่อยากให้เอ็นบีทีตกเป็นเป้า มีอะไรให้พูดไปที่ตนนั้น นายคำนูณกล่าวว่า ตนไม่มีเจตนาจะไปแตะต้องเอ็นบีทีเป็นพิเศษ เพียงแค่ตั้งคำถามไปเท่านนั้น นายกฯ หรือนายจักรภพ ก็ควรจะชี้แจงมาให้ครบ อย่าชี้แจงขาดๆ วิ่นๆ ส่วนชี้แจงแล้วจะฟังได้หรือไม่ได้ ก็ว่ากันไป แต่ที่ตนพูดถึงนายจักรภพหลายครั้ง ก็เพราะมันมีข้อมูลที่ปรากฏตลอดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จึงนำมาร้อยเรียงให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ตนพูดนั้น ยังไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่อยากให้ตรวจสอบข้อมูลดู

ทั้งนี้ หากมองความเชื่อมโยงตั้งแต่การออกมาพูดถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญและการต่อต้านการรัฐประหารหลังวันที่ 19 ก.ย. 49 จะเห็นว่ามีการพุ่งเป้าไปที่ประธานองคมนตรีตลอดและบางครั้งก็เลยเถิด ตอนนี้ไปถึงขั้นที่คนเป็นนายกฯ ออกมาบอกว่าคนหัวเถิกอยู่เบื้องหลังการโจมตีเขา เป็นขยายเป้าหมายจาก 1 ป. เป็น 2 ป. คือ พล.อ.เปรม กับนายปีย์

นายคำนูณ ยืนยันว่า ไม่เคยพูดว่านายสมัครไม่จงรักภักดี แต่อยากให้ใช้ความเป็นเลือดสีน้ำเงินลองพิจารณาให้ดี นายสมัครเคยมีราคาที่ต้องจ่ายจากการรับเชิญไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหลัง 6 ตุลาฯ 19 ทำให้ถูกกล่าวหาว่าอยู่ข้างเผด็จการมาจนทุกวันนี้ และวันนี้การที่นายรับเชิญมาเป็นนายกฯ ก็จะมีราคาความสูญเสียที่มหาศาลมากหว่า อยากให้คิดดูว่า การเป็นนายกฯ และ รมว.กลาโหม 3-4 ปี แบบไม่มีศักดิ์ศรี มันไม่มีค่าเท่ากับการเป็นแบบมีศักดิ์ศรีเพียงวันเดียว

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1

( 56 k ) | ( 256 K )



คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2

( 56 k ) | ( 256 K )



กำลังโหลดความคิดเห็น