ขอเขียนต่อเนื่องเรื่อง “ความบังเอิญ” และ/หรือ “ความบังเอิญอย่างร้ายกาจ” ว่าด้วย NBT, จักรภพ เพ็ญแข, พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, นปก. และแนวความคิดต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกสักวัน
ขอกราบเรียน ท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ว่าผมคิดผมเขียนของผมเอง ทั้ง ณ ที่นี้ และที่ ASTV ในรายการยามเฝ้าแผ่นดินเมื่อคืนวันจันทร์วันอังคารที่ 21-22 เมษายน 2551 ไม่มีวาระซ่อนเร้นเพื่อให้ร้ายป้ายสีใคร โดยเฉพาะกับตัวท่านนายกฯ นั้น ผมออกจะปรารถนาดีอย่างยิ่งด้วยซ้ำ
ไม่มี “ไอ้หัวเถิก” (คำของท่านนายกฯ สมัคร) คนไหนมาบงการ !
คุณพ่อผมสมัยเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็รับราชการสำนักพระราชวัง ได้รับพระมหากรุณาธิคุณมามากหลาย ลูกผมก็เรียนวชิราวุธซึ่งเป็นโรงเรียนที่ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สนับสนุนอยู่ทุกปี ผมเป็นคนไทยลูกหลานชาวกรุงเก่า ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเลยก็เสียชาติเกิด
กรณี NBT กับข่าวเนปาล ผมไม่ได้ให้ร้ายใคร เพียงแต่เรียงร้อยข้อมูลจากปัจจุบันไปสู่อดีต 2-3 ปีที่ผ่านมา และตั้งข้อสังเกตให้ผู้อ่านผู้ชมใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเอง
ถือเป็นการทำหน้าที่ตามวิชาชีพ ถ้าไม่ทำก็จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีใครเอาผิดหรอก แต่มันละอายใจ
เรื่อง “ไอ้หัวเถิก” ที่นายกฯ พูดเมื่อวันอาทิตย์นี่มันก็เข้าข่าย “บังเอิญอย่างร้ายกาจ” อีกเรื่องนะ
กราบขอประทานโทษนะครับ ผมไม่ตั้งใจจะใช้คำว่า “ไอ้” กับใคร แต่เผอิญเป็นคำเฉพาะที่ท่านนายกฯ สมัครท่านใช้ และเป็นเรื่องบังเอิญสำคัญที่ไม่อยากให้ผู้อ่านละเลย ก็เลยจำเป็นที่จะต้องพูดต้องเขียนคำนี้
ความบังเอิญนี้
เมื่อวันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2551 ผู้ใช้นามปากกา “กาหลิบ” -- ซึ่งเป็นนามปากกาเดียวกับที่คุณจักรภพ เพ็ญแขเคยใช้เขียนบทความใน “ผู้จัดการรายสัปดาห์”- ไปเขียนใน “โลกวันนี้” หัวข้อ “ภารกิจของคุณปีย์” กล่าววิพากษ์วิจารณ์คุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยาในทำนองว่าเป็นผู้ปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในระดับเดียวกับที่ท่านอาจารย์ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชเคยทำ ล่าสุดเมื่อวานนี้ นายกฯ สมัครก็ออกรายการพูดคนเดียวของท่านบอกกระแสวิพากษ์วิจารณ์สงสัยว่าท่านยังมี “เลือดสีน้ำเงิน” อยู่หรือไม่ซึ่งเชื่อมโยงกับเรื่อง NBT สารคดีเนปาล และคุณจักรภพ เพ็ญแขนั้น มาจากคนคนหนึ่งที่ท่านเรียกว่า...
“ไอ้หัวเถิก”
ฟังทีแรก ผมยังนึกว่าเป็นคุณสุทธิชัย หยุ่น เพราะบังเอิญ “คมชัดลึก” ฉบับวันอังคารที่ 22 เมษายน 2551 ผู้ใช้นามปากกาว่า “ไฟเย็น” เขียนวิพากษ์ NBT กรณีสารคดีเนปาลไว้ทำนองเดียวกับผม แถมยังให้ข้อมูลเพิ่มว่าไม่ใช่สารคดีเนปาลเท่านั้นที่ NBT ให้ความสนใจ หากยังมีสารคดีปฏิวัติฝรั่งเศสที่นำสู่การประหารชีวิตพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และสารคดีเกี่ยวกับโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ที่โค่นล้มอำนาจพระเจ้าจอห์นที่ 1 แห่งอังกฤษ
แต่มาคิดซ้ำอีกที ด้วยความเคารพนะครับ...คุณสุทธิชัย หยุ่นน่ะท่านเลยคำว่า “เถิก” ไปนานแล้ว และสมญาในวงการก็ไม่ใช่คำนี้
หรือจะไปคิดว่าเป็นคุณสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง คุณพิภพ ธงไชย คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข หรือ ฯลฯ ในหมู่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ไม่น่าจะใช่ เออ - ถ้าเป็นคำว่า “หัวโต” หรือ “หัวเกรี๋ยน” ค่อยน่าพิจารณา
ความคิดก็เลยมาหยุดอยู่ที่คุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา อย่างช่วยไม่ได้!
ทว่า “ไอ้หัวเถิก” ที่นายกฯ สมัครกล่าวถึงในเชิงลบ จะเป็นคุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา - คนที่ “กาหลิบ” เขียนถึงอย่างเหมือนจะยกย่องแต่แฝงนัยประหวัดกล่าวหาว่าเป็นพีอาร์แมเนเจอร์ของระบบอมาตยาธิปไตยไทย ที่จะทำทุกทางเพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยไทยยืนอยู่บนหลัก 3 สถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ - หรือไม่ ผมไม่ทราบเจตนาของท่านนายกฯ สมัครจริงๆ และผมก็เชื่อว่าท่านนายกฯ สมัครจะไม่ไขข้อข้องใจข้อนี้
คุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยาไม่มีตำแหน่งแห่งที่ในทางราชการใดๆ
เท่าที่ผมทราบบริษัทแปซิฟิคฯ ของท่านยังเป็นผู้ผลิตรายการ จส. 100 ที่มีลักษณะพิเศษ ภรรยาท่านมีเชื้อชาติเดิมเป็นชาวอินโดนีเซีย นับถือศาสนาอิสลาม ทำงานรับใช้โครงการในพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถอย่างแข็งขัน ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลจุลจอมเกล้าชั้นสูงมานานแล้ว จึงมีคำนำหน้านามว่า “ท่านผู้หญิง” ทั้งท่านและภรรยาเป็นคหบดีชาวไทยที่รักชาติรักบ้านเมือง แต่ทำงานเงียบๆ ไม่ปรากฏเป็นข่าว จะมีอยู่ครั้งเดียวก็เมื่อกลางปี 2548 ตอนที่คุณประมวล รุจนเสรีพิมพ์หนังสือ “พระราชอำนาจ” ในฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 มีบทนำเพิ่มขึ้นมาใช้ชื่อว่า “อาเศียรวาท” ท่านผู้เขียนเอ่ยชื่อคุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยาว่าเป็นผู้อัญเชิญกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับหนังสือ “พระราชอำนาจ” มาบอกท่าน
เมื่อ “กาหลิบ”-ที่เคยเป็นนามปากกาของคุณจักรภพ เพ็ญแข-เพิ่งเขียนถึงคุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยาอยู่ไม่กี่วัน ท่านนายกฯ สมัครก็มาโพนทะนาว่า “ไอ้หัวเถิก” อยู่เบื้องหลังการให้ร้ายป้ายสีรัฐมนตรีจักรภพ เพ็ญแข
ก็ให้บังเอิญที่รัฐมนตรีคนนี้มีผู้สังเกตว่าใกล้ชิดท่านนายกฯ สมัครเป็นพิเศษ
ไปออกรายการที่ NBT ช่วงเช้าวันอาทิตย์คราใด ท่านก็ติดตามไปด้วยเป็นส่วนใหญ่
เหล่านี้ - ล้วน “บังเอิญ” ทั้งนั้น!
อันที่จริง ใครจะไปว่าคุณจักรภพ เพ็ญแขท่านชิงชังระบบศักดินา และระบบอมาตยาธิปไตย ทั้งหมดโดยไม่มีการจำแนก ก็ไม่ถูก
ในการเขียนบทความโดยใช้ชื่อจริงลงใน “ประชาทรรศน์รายสัปดาห์” ทั้งในหัวข้อ “เกียเนนทราแห่งเนปาล...ก่อนสิ้นซึ่งกษัตริย์” เมื่อต้นปี 2551 (ขอโทษ...ข้อมูลไม่อยู่ใกล้ตัว...เลยอ้างฉบับที่แน่นอนไม่ได้) และในหัวข้อ “รับเสด็จ...เจ้าบาห์เรน” (ฉบับวันที่ 8-14 มีนาคม 2551) ท่านรัฐมนตรีมีการจำแนกแยกแยะ
ประการหนึ่ง ท่านชิงชังขุนนางหรือผู้คนในระบบอมาตยาธิปไตยที่เพ็ดทูลให้พระมหากษัตริย์ทรงฟื้นฟูระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
อีกประการหนึ่งท่านพิจารณาที่องค์พระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์
คุณจักรภพ เพ็ญแขกล่าวชื่นชมนายกรัฐมนตรีบาห์เรนที่เป็นเชื้อพระวงศ์ระดับสูงว่ารู้จักคบหาคน ท่านนายกรัฐมนตรีบาห์เรนมีความผูกพันกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ในตอนท้ายของข้อเขียน “รับเสด็จ...เจ้าบาห์เรน” คุณจักรภพ เพ็ญแขเขียนว่า...
“ถ้าผู้มีอำนาจจริงในเมืองไทยรักบ้านรักเมืองมากกว่ารักตัวเอง การรัฐประหารที่ผ่านมาคงจะไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ก็คงต้องยอมรับว่าจิตสำนึกรักชาติรักแผ่นดินขนาดยอมอดทนผ่านสันดอนต่างๆ ไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างสมบูรณ์ มีอยู่แต่หมู่ประชาชนตาดำๆ เท่านั้นเอง ไปตั้งความหวังกับใครอื่นเห็นจะยาก...
“ก็ขนาดเจ้าบาห์เรนที่เป็นศักดินาอยู่ด้วยองค์เองแท้ๆ ยังรู้เลยครับว่า ถ้าต้องการจะร่วมมือทำประโยชน์กันจริงๆ จังๆ แล้ว สมควรจะมีพระราชปฏิสันถารกับใครในเมืองไทย...”
อ่านแล้ว...ก็ไม่ถึงกับตรงไปตรงมาชัดเจนนักหรอก
แต่อดไม่ได้ที่อ่านแล้ว “บังเอิญ” ที่จะเกิดความรู้สึกเหมือนที่ผมพาดหัวไว้ข้างต้นวันนี้
ขอกราบเรียน ท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ว่าผมคิดผมเขียนของผมเอง ทั้ง ณ ที่นี้ และที่ ASTV ในรายการยามเฝ้าแผ่นดินเมื่อคืนวันจันทร์วันอังคารที่ 21-22 เมษายน 2551 ไม่มีวาระซ่อนเร้นเพื่อให้ร้ายป้ายสีใคร โดยเฉพาะกับตัวท่านนายกฯ นั้น ผมออกจะปรารถนาดีอย่างยิ่งด้วยซ้ำ
ไม่มี “ไอ้หัวเถิก” (คำของท่านนายกฯ สมัคร) คนไหนมาบงการ !
คุณพ่อผมสมัยเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็รับราชการสำนักพระราชวัง ได้รับพระมหากรุณาธิคุณมามากหลาย ลูกผมก็เรียนวชิราวุธซึ่งเป็นโรงเรียนที่ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สนับสนุนอยู่ทุกปี ผมเป็นคนไทยลูกหลานชาวกรุงเก่า ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเลยก็เสียชาติเกิด
กรณี NBT กับข่าวเนปาล ผมไม่ได้ให้ร้ายใคร เพียงแต่เรียงร้อยข้อมูลจากปัจจุบันไปสู่อดีต 2-3 ปีที่ผ่านมา และตั้งข้อสังเกตให้ผู้อ่านผู้ชมใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเอง
ถือเป็นการทำหน้าที่ตามวิชาชีพ ถ้าไม่ทำก็จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีใครเอาผิดหรอก แต่มันละอายใจ
เรื่อง “ไอ้หัวเถิก” ที่นายกฯ พูดเมื่อวันอาทิตย์นี่มันก็เข้าข่าย “บังเอิญอย่างร้ายกาจ” อีกเรื่องนะ
กราบขอประทานโทษนะครับ ผมไม่ตั้งใจจะใช้คำว่า “ไอ้” กับใคร แต่เผอิญเป็นคำเฉพาะที่ท่านนายกฯ สมัครท่านใช้ และเป็นเรื่องบังเอิญสำคัญที่ไม่อยากให้ผู้อ่านละเลย ก็เลยจำเป็นที่จะต้องพูดต้องเขียนคำนี้
ความบังเอิญนี้
เมื่อวันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2551 ผู้ใช้นามปากกา “กาหลิบ” -- ซึ่งเป็นนามปากกาเดียวกับที่คุณจักรภพ เพ็ญแขเคยใช้เขียนบทความใน “ผู้จัดการรายสัปดาห์”- ไปเขียนใน “โลกวันนี้” หัวข้อ “ภารกิจของคุณปีย์” กล่าววิพากษ์วิจารณ์คุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยาในทำนองว่าเป็นผู้ปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในระดับเดียวกับที่ท่านอาจารย์ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชเคยทำ ล่าสุดเมื่อวานนี้ นายกฯ สมัครก็ออกรายการพูดคนเดียวของท่านบอกกระแสวิพากษ์วิจารณ์สงสัยว่าท่านยังมี “เลือดสีน้ำเงิน” อยู่หรือไม่ซึ่งเชื่อมโยงกับเรื่อง NBT สารคดีเนปาล และคุณจักรภพ เพ็ญแขนั้น มาจากคนคนหนึ่งที่ท่านเรียกว่า...
“ไอ้หัวเถิก”
ฟังทีแรก ผมยังนึกว่าเป็นคุณสุทธิชัย หยุ่น เพราะบังเอิญ “คมชัดลึก” ฉบับวันอังคารที่ 22 เมษายน 2551 ผู้ใช้นามปากกาว่า “ไฟเย็น” เขียนวิพากษ์ NBT กรณีสารคดีเนปาลไว้ทำนองเดียวกับผม แถมยังให้ข้อมูลเพิ่มว่าไม่ใช่สารคดีเนปาลเท่านั้นที่ NBT ให้ความสนใจ หากยังมีสารคดีปฏิวัติฝรั่งเศสที่นำสู่การประหารชีวิตพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และสารคดีเกี่ยวกับโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ที่โค่นล้มอำนาจพระเจ้าจอห์นที่ 1 แห่งอังกฤษ
แต่มาคิดซ้ำอีกที ด้วยความเคารพนะครับ...คุณสุทธิชัย หยุ่นน่ะท่านเลยคำว่า “เถิก” ไปนานแล้ว และสมญาในวงการก็ไม่ใช่คำนี้
หรือจะไปคิดว่าเป็นคุณสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง คุณพิภพ ธงไชย คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข หรือ ฯลฯ ในหมู่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ไม่น่าจะใช่ เออ - ถ้าเป็นคำว่า “หัวโต” หรือ “หัวเกรี๋ยน” ค่อยน่าพิจารณา
ความคิดก็เลยมาหยุดอยู่ที่คุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา อย่างช่วยไม่ได้!
ทว่า “ไอ้หัวเถิก” ที่นายกฯ สมัครกล่าวถึงในเชิงลบ จะเป็นคุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา - คนที่ “กาหลิบ” เขียนถึงอย่างเหมือนจะยกย่องแต่แฝงนัยประหวัดกล่าวหาว่าเป็นพีอาร์แมเนเจอร์ของระบบอมาตยาธิปไตยไทย ที่จะทำทุกทางเพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยไทยยืนอยู่บนหลัก 3 สถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ - หรือไม่ ผมไม่ทราบเจตนาของท่านนายกฯ สมัครจริงๆ และผมก็เชื่อว่าท่านนายกฯ สมัครจะไม่ไขข้อข้องใจข้อนี้
คุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยาไม่มีตำแหน่งแห่งที่ในทางราชการใดๆ
เท่าที่ผมทราบบริษัทแปซิฟิคฯ ของท่านยังเป็นผู้ผลิตรายการ จส. 100 ที่มีลักษณะพิเศษ ภรรยาท่านมีเชื้อชาติเดิมเป็นชาวอินโดนีเซีย นับถือศาสนาอิสลาม ทำงานรับใช้โครงการในพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถอย่างแข็งขัน ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลจุลจอมเกล้าชั้นสูงมานานแล้ว จึงมีคำนำหน้านามว่า “ท่านผู้หญิง” ทั้งท่านและภรรยาเป็นคหบดีชาวไทยที่รักชาติรักบ้านเมือง แต่ทำงานเงียบๆ ไม่ปรากฏเป็นข่าว จะมีอยู่ครั้งเดียวก็เมื่อกลางปี 2548 ตอนที่คุณประมวล รุจนเสรีพิมพ์หนังสือ “พระราชอำนาจ” ในฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 มีบทนำเพิ่มขึ้นมาใช้ชื่อว่า “อาเศียรวาท” ท่านผู้เขียนเอ่ยชื่อคุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยาว่าเป็นผู้อัญเชิญกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับหนังสือ “พระราชอำนาจ” มาบอกท่าน
เมื่อ “กาหลิบ”-ที่เคยเป็นนามปากกาของคุณจักรภพ เพ็ญแข-เพิ่งเขียนถึงคุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยาอยู่ไม่กี่วัน ท่านนายกฯ สมัครก็มาโพนทะนาว่า “ไอ้หัวเถิก” อยู่เบื้องหลังการให้ร้ายป้ายสีรัฐมนตรีจักรภพ เพ็ญแข
ก็ให้บังเอิญที่รัฐมนตรีคนนี้มีผู้สังเกตว่าใกล้ชิดท่านนายกฯ สมัครเป็นพิเศษ
ไปออกรายการที่ NBT ช่วงเช้าวันอาทิตย์คราใด ท่านก็ติดตามไปด้วยเป็นส่วนใหญ่
เหล่านี้ - ล้วน “บังเอิญ” ทั้งนั้น!
อันที่จริง ใครจะไปว่าคุณจักรภพ เพ็ญแขท่านชิงชังระบบศักดินา และระบบอมาตยาธิปไตย ทั้งหมดโดยไม่มีการจำแนก ก็ไม่ถูก
ในการเขียนบทความโดยใช้ชื่อจริงลงใน “ประชาทรรศน์รายสัปดาห์” ทั้งในหัวข้อ “เกียเนนทราแห่งเนปาล...ก่อนสิ้นซึ่งกษัตริย์” เมื่อต้นปี 2551 (ขอโทษ...ข้อมูลไม่อยู่ใกล้ตัว...เลยอ้างฉบับที่แน่นอนไม่ได้) และในหัวข้อ “รับเสด็จ...เจ้าบาห์เรน” (ฉบับวันที่ 8-14 มีนาคม 2551) ท่านรัฐมนตรีมีการจำแนกแยกแยะ
ประการหนึ่ง ท่านชิงชังขุนนางหรือผู้คนในระบบอมาตยาธิปไตยที่เพ็ดทูลให้พระมหากษัตริย์ทรงฟื้นฟูระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
อีกประการหนึ่งท่านพิจารณาที่องค์พระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์
คุณจักรภพ เพ็ญแขกล่าวชื่นชมนายกรัฐมนตรีบาห์เรนที่เป็นเชื้อพระวงศ์ระดับสูงว่ารู้จักคบหาคน ท่านนายกรัฐมนตรีบาห์เรนมีความผูกพันกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ในตอนท้ายของข้อเขียน “รับเสด็จ...เจ้าบาห์เรน” คุณจักรภพ เพ็ญแขเขียนว่า...
“ถ้าผู้มีอำนาจจริงในเมืองไทยรักบ้านรักเมืองมากกว่ารักตัวเอง การรัฐประหารที่ผ่านมาคงจะไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ก็คงต้องยอมรับว่าจิตสำนึกรักชาติรักแผ่นดินขนาดยอมอดทนผ่านสันดอนต่างๆ ไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างสมบูรณ์ มีอยู่แต่หมู่ประชาชนตาดำๆ เท่านั้นเอง ไปตั้งความหวังกับใครอื่นเห็นจะยาก...
“ก็ขนาดเจ้าบาห์เรนที่เป็นศักดินาอยู่ด้วยองค์เองแท้ๆ ยังรู้เลยครับว่า ถ้าต้องการจะร่วมมือทำประโยชน์กันจริงๆ จังๆ แล้ว สมควรจะมีพระราชปฏิสันถารกับใครในเมืองไทย...”
อ่านแล้ว...ก็ไม่ถึงกับตรงไปตรงมาชัดเจนนักหรอก
แต่อดไม่ได้ที่อ่านแล้ว “บังเอิญ” ที่จะเกิดความรู้สึกเหมือนที่ผมพาดหัวไว้ข้างต้นวันนี้