รองนายกฯ จากพรรคเพื่อแผ่นดิน ขัดขาพลังแม้ว ชี้แก้ รธน.ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน หวั่น หลังแก้ รธน.จะเกิดความแตกแยก ยกเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จี้รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องเรื่องสำคัญ
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญประเด็นพระพุทธศาสนาว่า เนื่องจากรัฐบาลยังไม่เคยมีกฎหมายหรือกลไกที่เข้าไปส่งเสริมเรื่องพุทธศาสนาอย่างแท้จริงจึงจำเป็นจะต้องมีการจัดทำร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองส่งเสริมพระพุทธศาสนาขึ้นมาเพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 79 ทั้งนี้จึงมอบหมายให้ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล ซึ่งเคยเป็นประธานสมัชชาชาวพุทธไปดำเนินการในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อแผ่นดินยังมีความเห็นที่แตกต่างกับพรรคพลังประชาชนในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร นายสุวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ความเห็นก็ยังแตกต่างค่อนข้างมาก ซึ่งตนยังไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีจะนัดพรรคร่วมหารือเมื่อใด แต่หลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญเป็นกรอบ กติกา ดังนั้น รายละเอียดที่ระบุในรัฐธรรมนูญจึงเป็นกรอบกติกาที่จะกำหนดไว้ ซึ่งหัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญตนคิดว่าในหลักการระบอบประชาธิปไตย เรื่องของกระบวนการการมีส่วนร่วมถือเป็นหัวใจสำคัญของประชาชน และในรัฐธรรมนูญจะต้องมีเรื่องของกลไกการสร้างความรับผิดชอบต่อประชาชน จะต้องมีกระบวนการคานและดุลอำนาจในเรื่องของกระบวนการตรวจสอบตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญที่จะต้องมีการดำเนินการ เรื่องที่จะต้องมีการดำเนินการให้เกิดกลไกเหล่านี้ขึ้นมาในรัฐธรรมนูญที่จะเชื่อมโยงองค์กรต่างๆ กับประชาชนและสร้างกลไกในการตรวจสอบ และดุลอำนาจซึ่งกันและกัน เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่พรรคพลังประชาชนจะให้มีกรรมาธิการตามหลักของกฎหมายที่จะเข้ามาเป็นคนดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าในเรื่องของกระบวนการการมีส่วนร่วมเป็นเรื่องสำคัญและมีหลายรูปแบบ ตอนนี้คณะทำงานของพรรคกำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่ว่าจะดำเนินการในส่วนนี้อย่างไรบ้าง
“วันนี้ผมเป็นห่วงเรื่องภาวะเศรษฐกิจ เรื่องปากท้องของประชาชนมากกว่าเพราะเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากปัญหาสินค้าราคาเกษตร สถานการณ์ภัยแล้ง ราคาน้ำมันที่ยกระดับสูงขึ้น ปัญหาเรื่องภาวะเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจกำลังถดถอยเกิดผลกระทบต่อการส่งออกและการลงทุน ตรงนี้น่าจะเป็นเรี่องแรกๆ ที่เราให้ความสำคัญ ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญผมคิดว่าควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกที่สภาจะไปดำเนินการ ส่วนรัฐบาลก็ควรที่จะมองเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปาก เรื่องท้องของประชาชนมากกว่า” นายสุวิทย์ กล่าว
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าที่รัฐบาลนำเรื่องรัฐธรรมนูญมากลบปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่สามารถแก้ไขได้ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกหน่วยงานพยายามทำหน้าที่ของตัวเอง ความจริงปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลก ความผันผวนในเรื่องของค่าเงิน อัตราแลกเปลี่ยน ปัญหาเรื่องวิกฤติอาหารของโลก ราคาข้าวสูงเป็นประวัติการณ์ก็ทำให้เกิดผลกระทบ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นในภูมิภาคต่างๆ และยังมีปัญหาอื่นๆ ของประเทศไทยที่จะต้องช่วยกันดูแล และป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น เมื่อถามว่าจะมีปัญหาตามมาหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสุวิทย์กล่าวว่า ความเห็นต่างไม่ใช่เรื่องแปลก ซึ่งขณะนี้หลายพรรคก็ยังเห็นต่างอยู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน หรือจะก่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความแตกแยกอย่างรุนแรง และไม่ต้องการให้ความเห็นต่างมาสร้างความแตกแยกในสังคม เนื่องจากรัฐธรรมนูญหลายฉบับก่อนหน้าก็ก่อให้เกิดปัญหาความแตกแยก และเกิดความวุ่นวายตามมา เช่น กรณีพฤษภา ก็มาจากรัฐธรรมนูญเช่นกัน ดังนั้นจึงอยากให้หันหน้ามาคุยกัน เพื่อให้ได้จุดร่วม และคิดถึงประชาชนเป็นสำคัญนายสุวิทย์ กล่าวด้วยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญปล่อยให้เป็นไปตามกลไกปกติของรัฐสภา เมื่อถามย้ำว่าพรรคเพื่อแผ่นดินมีจุดยืนที่ชัดเจนอย่างไร เพราะถ้าพูดไม่ชัดอาจจะถูกมองว่าพรรคเพื่อแผ่นดินกั๊กการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสุวิทย์ หัวเราะ ก่อนจะบอกว่าไม่ได้กั้ก เป็นเรื่องปกติ