ทีมโฆษกพลังแม้ว ส่ง “ณัฐวุฒิ” ท้าชนพันธมิตรฯ ออกมาเคลื่อนไหว เอะอะอ้างรากหญ้าจำเป็นต้องแก้ไข รธน.ตามสัญญา เชื่อ “หมัก” เก๋าเกมไม่ยุบสภาหนียุบพรรค เมินข้อเสนอ ปชป.เย้ยชวนเชื่องช้า
วันนี้ (16 เม.ย.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมจะเคลื่อนไหวใหญ่ช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้ว่า ทุกคนมีสิทธิ์ทำได้ตามกฎหมาย แต่เฉพาะของกลุ่มพันธมิตรฯ ในแง่ความเคลื่อนไหวลักษณะนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่สังคมไทยจะต้องหาความรับผิดชอบจากคนกลุ่มนี้ เพราะว่าเป็นกลุ่มเดียวที่เอ่ยอ้างตัวเองเป็นกลุ่มเพื่อประชาธิปไตย แต่ทุกการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทั้งก่อนและหลังการยึดอำนาจ ซึ่งมีรัฐบาลชุดเดียวที่กลุ่มนี้ไม่เคยเคลื่อนไหว หรือออกมาชุมนุมต่อต้านคือรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร
รองโฆษก กล่าวอีกว่า การอ้างว่ารัฐบาลจะยกเลิกรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นมรดกเผด็จการทำให้เป็นประชาธิปไตยคนกลุ่มนี้ก็ออกมาฟาดงวงฟาดงาปกป้อง ฉะนั้น สังคมมีสิทธิ์ถามหาความรับผิดชอบว่าการเคลื่อนไหวก่อนวันที่ 19 ก.ย.2549 จนเกิดความวุ่นวาย เกิดการยึดอำนาจ เศรษฐกิจและบ้านเมืองบอบช้ำย่ำอยู่กับที่บนเวทีโลกเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี เขาก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไร แล้ววันนี้ยังจะมาทำแบบนั้นอีก
“ไม่อยากให้พี่น้องไปสับสนกับข้อกล่าวหาที่บอกว่ารัฐบาลจะแก้ธรรมนูญนี้เพื่อฟอกความผิดให้กับตัวเอง พูดกันเลยไปถึงขนาดว่าต่อไปถ้าแก้กันอย่างนี้ถ้าต่อไปโจรทำผิดโจรก็มาแก้รัฐธรรมนูญได้ ก็ต้องบอกว่าไม่มีใครมีเจตนาอย่างนั้นหรอก แต่ว่าที่เขาทำก็คือทำเพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายของประชาชนที่มาจากตัวแทนของพี่น้องประชาชนเป็นคนร่างและปรับปรุงแก้ไข กลุ่มพันธมิตรจะมาเจ็บปวด จะมาต่อต้านอะไร กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย” นายณัฐวุฒิ กล่าว
รองโฆษก กล่าวอีกว่า ถ้าบอกว่าฟอกผิดตัวเองต้องไปดูมาตรา 309 ที่คณะรัฐประหารใส่เอาไว้ ถามว่าอันนั้นพันธมิตรรู้สึกอะไรไหมและมองเห็นหรือไม่ว่าเป็นการออกกฎหมายเพื่อปกป้องคุ้มครองการดำเนินการของคนกลุ่มหนึ่งตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคตภายหลังการยึดอำนาจ แต่ทำไมไม่พูดกัน ไม่แสดงออก
“เพราะฉะนั้นคงไม่ห้ามในการเคลื่อนไหว เพราะได้ร้องขอกันหลายรอบแล้วว่าอย่าเพิ่งเคลื่อนไหว ขอโอกาสให้รัฐบาลทำงาน มาถึงวันนี้ถ้ากลุ่มพันธมิตรฯจะเคลื่อนไหวอะไรก็ขอเชิญ เต็มที่ จะทำอะไรก็ทำ เพียงแต่ว่าต้องอยู่ภายใต้ของกฎหมาย แล้วถ้าจะทำการผิดกฎหมาย แน่นอนที่สุดที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายให้เด็ดขาดเช่นเดียวกัน” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี อาจยุบสภาเพื่อหนีคดียุบพรรค นายณัฐวุฒิ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะถึงยุบก็ไม่มีทางหนีพ้น เช่นเดียวกับกรณีของพรรคไทยรักไทยที่ยุบสภาแต่สุดท้ายก็ต้องโดนยุบอยู่ดี อีกทั้งเรื่องนี้ท่านนายกฯไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งตนเข้าใจว่าประสบการณ์การเมืองของนายกฯกว่าค่อนชีวิตคงมองเรื่องพวกนี้อย่างปกติธรรมดา ว่า ท้ายที่สุดถ้าทำกันอย่างเต็มที่แล้วอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ท่านคงไม่เลือกใช้วิธียุบสภา
“ผมมีความมั่นใจว่าถ้าเราไม่อยากให้พรรคถูกยุบอีกแล้ว เพราะเราไม่เห็นด้วยกับข้อกำหนดมาตรา 237 ไม่เห็นด้วย แปลว่าถ้าจะถูกยุบกันอีกทีผมก็แน่ใจว่าสิ่งที่เป็นผลงานเป็นนโยบายของพรรคที่สานต่อกันมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทยจนมาเป็นพลังประชาชนอันนี้กี่ครั้งก็ยุบจากใจประชาชนไม่ได้หรอก แล้วก็ต้องดูด้วยว่าบุคคลต่างๆนานาที่เกี่ยวข้องก็ไม่ควรไปท้าทายพลังของพี่น้องประชาชนที่เขาสนับสนุน หรือเขาอาจจะไม่สนับสนุนแต่เขากำลังรอคอยผลงานของรัฐบาลไปแก้ปัญหาให้เขา เพราะฉะนั้นถ้ามีการเล่นเกม และทำให้การเมืองสะดุดบ่อยๆ ผมก็คิดว่าอย่าไปท้าทายอารมณ์ของประชาชนทั่วประเทศ” นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า การแก้รัฐธรรมนูญจะเสร็จทันคดียุบพรรคหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ที่บอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญโดยเร็วนั้นไม่ได้นำคดียุบพรรคมาเป็นเกณฑ์ แต่ว่าไม่ควรช้าเพราะฐานเดิมของฉบับ 40 มีอยู่แล้ว และหลายมาตราของปี 50 ก็เห็นกันอยู่แล้วว่าทำให้อยู่ไม่ได้ ดังนั้นคดียุบพรรคกับแก้รัฐธรรมนูญคนละเรื่องกัน เพราะเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเดิมพันอยู่ที่เผด็จการณ์กับประชาธิปไตย ส่วเรื่องยุบพรรคหรือไม่ก็เป็นเรื่องของ 3 พรรคที่โดนข้อหาที่จะต้องดำเนินการต่อสู้ตามกฎหมาย
เมื่อถามถึงการที่ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ออกมาเรียกร้องให้การแก้รัฐธรรมนูญนำหลายฝ่ายเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ใช่ทำกันเอง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญถือว่าเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่ได้ประกาศไว้เป็นนโยบายในช่วงหาเสียงเลือกตั้งแล้วประชาชนก็มอบความไว้วางใจให้มาทำหน้าที่นี้ ถ้าไม่ได้บอกกันเลยว่าได้การสนับสนุนจากประชาชนให้มาแก้รัฐธรรมนูญ เราก็ต้องกลับไปถามประชาชน แต่นี่เราบอกประชาชนมาตลอดทุกเวทีทุกพรรคการบอกว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ แล้วชาวบ้านก็บอกว่าถ้าแก้จะเลือก
“พอเลือกเสร็จแล้วต้องมาถามอีกว่าตกลงจะให้แก้หรือไม่แก้อีก เพราะประชาชนไม่สามารถจะรอหลักการหรือขั้นตอน หรือการรับรายงานตามวิธีของคุณชวนได้ มันไม่ใช่ วันนี้โลกเขาไปถึงไหนแล้ว คุณชวนยังจะใช้วิธีการหันมาถามคนนั้นคนนี้ รอหลักการรอรายงาน ขั้นตอนอยู่ แล้วไม่ถึงหัวอกของประชาชนบ้างหรือว่าเขาจะรู้สึกยังไง วันนี้เราเป็นตัวแทนของประชาชนโดยชอบธรรมตามกระบวนการประชาธิปไตยก็จะต้องทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยตามที่ได้สัญญาให้กับประชาชน” นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามถึงข้อสังเกตของ นายชวน ที่บอกว่าในขั้นตอนของการตั้งคณะกรรมาธิการที่ยังตั้งไม่ได้เพราะยังตกลงเรื่องตำแหน่งไม่ได้นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนนี้เป็นส่วนของกระบวนการทางสภาซึ่งตนเข้าใจว่าไม่ได้มีประเด็นที่กล่าวอ้างอย่างนั้น เพราะเรื่องตำแหน่งในสภาหรือกรรมาธิการก็สามารถจัดสรรได้ตามหลักเกณฑ์อยู่แล้ว
“ตำแหน่งที่จะจัดสรรไม่ลงตัวผมว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับรัฐบาลมันน้อยกว่าพรรคฝ่ายค้าน เพราะว่าพรรครัฐบาลมีเนื้องานทางด้านบริหาร แต่ถ้าเป็นพรรคฝ่ายค้านผมไม่แน่ใจ เพราะว่าตำแหน่งมันน้อย แต่เรื่องเหล่านี้ผมไม่ก้าวล่วงเพราะเป็นเรื่องของแต่ละพรรค แต่ว่าคุณชวนไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ของพรรคพลังประชาชน เพราะพอถึงเวลาเขาก็ตั้งกันได้” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงสิ่งที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ตกปากรับคำสัญญาตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆว่าจะเดินทางลงพื้นที่พบปะประชาชนที่จังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดแรกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึง และยังไม่มีการประชุมเตรียมการในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทีมโฆษกรัฐบาลที่จะจัดโครงการโฆษกพบประชาชนนั้นในวันศุกร์ที่ 18 เม.ย.นี้จะมีการประชุมทีมโฆษกเพื่อหาข้อสรุปว่าจะเดินทางไปจังหวัด แต่เบื้องต้นคิดว่าจะได้เดินทางจังหวัดแรกช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือน มิ.ย.นี้แน่นอน