ขอนแก่น -แฟชั่นอยากมีสามีฝรั่งทำสาวอีสานบางส่วนต้องสะอื้น หลายสิบชีวิตตกเป็นเหยื่อ บริษัทจัดหาคู่ชื่อดังเมืองขอนแก่น สูญเงินรวมนับสิบล้านบาท ตร.ยันข้อมูลเชิงลึกหญิงอีสาน เสียหายรวมกว่า 50 ราย แต่ไม่กล้าแจ้งความเพราะอายเพื่อนบ้าน
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (20 มี.ค.) พ.ต.ท.วีระวุฒิ เสียงใส สว.สป.สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนปราบปราม สภ.เมืองขอนแก่น และกำลังตำรวจท่องเที่ยว เข้าทำการตรวจสอบภายใน บริษัท ไทยพบรัก จำกัด และ บริษัท ไทยซุรี จำกัด ตั้งอยู่ภายในอาคารพาณิชย์ไม่มีเลขที่ ถ.กสิกรสำราญ ด้านหลังที่ทำการเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งเป็นบริษัทรับจัดหาคู่ให้กับหญิงสาวชาวไทย ที่ต้องการจะมีสามีเป็นชาวต่างชาติ
หลังได้การร้องเรียนจากผู้เสียหายรวมกว่า 50 ราย ที่เข้าไปขอใช้บริการ แต่กลับถูกทางบริษัทกระทำการที่ไม่ตรงสัญญาที่ได้ระบุไว้ แต่ไม่กล้าที่จะเข้าแจ้งความเนื่องจากอายที่จะเปิดเผยตัวเองต่อสาธารณะชน
พ.ต.ท.วีระวุฒิ เสียงใส สว.สป.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า บริษัทจัดหาคู่ ซึ่งเปิดให้บริการเฉพาะหญิงสาวชาวไทยที่ต้องการมีสามีเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งจากการได้รับร้องเรียนตลอดทั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้มียอดของผู้เสียหายที่เข้ามาร้องเรียนกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมแล้วกว่า 50 ราย ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวในเขต อ.เมือง ขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง
เมื่อถูกสอบถามและขอหลักฐาน หญิงสาวกลุ่มนี้กลับไม่กล้าที่จะให้ หรือเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่เพราะรับกับความอับอายที่เกิดขึ้นไม่ได้ อีกทั้งไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตนเองต่อสาธารณะชน เพราะทนกับคำครหาของกลุ่มเพื่อนบ้านหรือคนในครอบครัวเดียวกัน
ขณะที่จากการสอบปากคำเบื้องต้น พบว่า หญิงสาวดังกล่าวทั้งหมดไปขอรับการบริการจาก บ.ไทยพบรัก และ บ.ไทยซูรี่ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันกันอย่างแพร่ของกลุ่มหญิงสาวชาวไทย ที่มีสามีเป็นชาวต่างชาคติ โดยเข้าไปขอรับคำปรึกษา และกำหนดคุณสมบัติของชาวต่างชาติ โดยไม่ระบุสัญชาติเพื่อต้องการที่จะแต่งงานด้วย
จากนั้นบริษัทก็จะทำการติดต่อไปยังเครือข่ายกลุ่มเพื่อนชาวต่างชาติ โดยมีการประสานผ่านไปยังเครือข่ายคนไทยที่มีสามีเป็นชาวต่างชาติอยู่แล้ว ในลักษณะของแชร์ลูกโซ่ จนกระทั่งพบชาวต่างชาติที่ต้องการมีภรรยาเป็นคนไทย จึงนัดให้มีการพูดคุยกันผ่านทางอินเทอร์เนต ในเว็บไซต์ ที่ชื่อ www.thaipubluk.com และ www.thaizury.com.
ทั้งนี้ จะใช้เวลาในการพูดคุยกันนานกว่า 2 เดือน ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะตกลงกันที่จะนัดเจอกันที่ประเทศไทย โดยเลือกใช้สถานที่ทั้งที่ จ.ขอนแก่น ,ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ หรือตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของทางบริษัทเป็นผู้ประสานงานทั้งหมด โดยเบื้องต้นผู้ที่เข้ามาขอใช้บริการจะต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ 50,000 บาท
“ต้องยอมรับว่า ขณะนี้กระแสแฟชั่นหญิงไทย ในการที่จะมีสามีเป็นคนต่างชาติเพิ่มมากขึ้น แต่การทำงานของตำรวจ ไม่ใช่ว่าจะปิดกั้นกระแสความนิยมในลักษณะอย่างนี้ แต่เมื่อพบเห็นความไม่ถูกต้องก็จะต้องเข้าไปห้ามปราบ หรือดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมามีผู้เข้ามาร้องเรียนรวมแล้วกว่า 50 คน ทั้งเป็นหญิงสาวในจังหวัดขอนแก่น และอีกหลายจังหวัดของภาคอีสาน” พ.ต.ท.วีระวุฒิ กล่าวและระบุต่อว่า
อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่กล้าที่จะแจ้งความ เพราะกลัวว่าจะเกิดความอับอายทั้งของตนเองและคนในครอบครัว ขณะที่มูลความผิดที่ชัดเจน คือการที่หญิงสาวเหล่านี้ไปเสียเงินคนละ 50,000 บาท สำหรับการจัดหาในเบื้องต้นแล้ว พอถึงช่วงของการนัดเจอตัวที่ประเทศไทย ถ้าพบว่าทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายยินยอมพร้อมใจ ที่จะตกลงปลงใจอยู่ร่วมกันทางบริษัทก็จะเรียกเก็บอีกคนละ 50,000 บาท
กระบวนการนี้หญิงสาวดังกล่าวจะต้องเสียเงินรวมแล้ว 100,000 บาท และถ้าคู่ใดตกลงปลงใจที่จะแต่งงานกัน บริษัทก็จะหักเงินจากค่าสินสอดอีกร้อยละ 10 ซึ่งบางคนต้องเสียเงินกับการต้องการมีสามีเป็นชาวต่างชาติมากถึง 2-3 แสนบาท
ปัญหาที่พบคือ ถ้าหญิงสาวคนมาพบกับชาวต่างชาติที่ไม่มีความพร้อม หรือเข้ามาในประเทศไทยในลักษณะหลอกลวงหญิงสาว บางคนไม่ตรงกับความต้องการของฝ่ายหญิง และเลิกรากันไปภายในไม่ถึง 1 เดือน หรือเพียงแค่พบหน้าทางฝ่ายหญิงก็ไม่สามารถที่จะเรียกเงินในจำนวนดังกล่าวได้ ซึ่งยอดรวมของวงเงินที่เสียไปนั้น รวมแล้วกว่า 10 ล้านบาทเฉพาะตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
พ.ต.ท.วีระวุฒิ กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามที่จะเข้าไปดำเนินคดีกับกลุ่มบริษัทเหล่านี้แต่ไม่มีหญิงสาวรายใดที่กล้าจะแจ้งความจึงยังคงไม่มีผู้เสียหาย และจากการตรวจสอบยังคงพบอีกว่าบางคนไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อต้องการความสบายหรือความร่ำรวยเพียงแค่ชั่วข้ามคืน แต่ไม่มองถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินการ คือ การประชาสัมพันธ์ให้กับหญิงสาวที่ยังคงนิยมชื่นชอบแฟชั่นของการเป็นภรรยาของชาวต่างชาติ หากพบว่าสามีชาวต่างชาติเป็นคนดีและมีความจริงใจหรือมีเงินจริง ก็เป็นเรื่องที่ดีกับหญิงสาวชาวไทย แต่ถ้าพบคนที่ไม่ตรงตามกับที่เราต้องการก็เป็นเรื่องที่สูญเสียโดยไม่ได้กลับคืน
“ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมามีเพียง 1 ราย ที่เข้าแจ้งความแต่ก็สามารถที่จะตกลงและยอมความกันได้”
ขณะที่การตรวจสอบพบว่าในขณะนี้ทั่วทั้งจังหวัดขอนแก่น มีบริษัทในลักษณะดังกล่าวอยู่รวม 6 บริษัท ซึ่งมีลูกค้าทั่วประเทศรวมกว่า 1,000 ราย ซึ่งถ้าพบว่ามีการทำความผิดจริงและมีผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ก็สามารถที่จะดำเนินคดีในข้อกล่าวหาล่อลวงหรือฉ้อโกง ได้โดยทันที
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (20 มี.ค.) พ.ต.ท.วีระวุฒิ เสียงใส สว.สป.สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนปราบปราม สภ.เมืองขอนแก่น และกำลังตำรวจท่องเที่ยว เข้าทำการตรวจสอบภายใน บริษัท ไทยพบรัก จำกัด และ บริษัท ไทยซุรี จำกัด ตั้งอยู่ภายในอาคารพาณิชย์ไม่มีเลขที่ ถ.กสิกรสำราญ ด้านหลังที่ทำการเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งเป็นบริษัทรับจัดหาคู่ให้กับหญิงสาวชาวไทย ที่ต้องการจะมีสามีเป็นชาวต่างชาติ
หลังได้การร้องเรียนจากผู้เสียหายรวมกว่า 50 ราย ที่เข้าไปขอใช้บริการ แต่กลับถูกทางบริษัทกระทำการที่ไม่ตรงสัญญาที่ได้ระบุไว้ แต่ไม่กล้าที่จะเข้าแจ้งความเนื่องจากอายที่จะเปิดเผยตัวเองต่อสาธารณะชน
พ.ต.ท.วีระวุฒิ เสียงใส สว.สป.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า บริษัทจัดหาคู่ ซึ่งเปิดให้บริการเฉพาะหญิงสาวชาวไทยที่ต้องการมีสามีเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งจากการได้รับร้องเรียนตลอดทั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้มียอดของผู้เสียหายที่เข้ามาร้องเรียนกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมแล้วกว่า 50 ราย ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวในเขต อ.เมือง ขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง
เมื่อถูกสอบถามและขอหลักฐาน หญิงสาวกลุ่มนี้กลับไม่กล้าที่จะให้ หรือเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่เพราะรับกับความอับอายที่เกิดขึ้นไม่ได้ อีกทั้งไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตนเองต่อสาธารณะชน เพราะทนกับคำครหาของกลุ่มเพื่อนบ้านหรือคนในครอบครัวเดียวกัน
ขณะที่จากการสอบปากคำเบื้องต้น พบว่า หญิงสาวดังกล่าวทั้งหมดไปขอรับการบริการจาก บ.ไทยพบรัก และ บ.ไทยซูรี่ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันกันอย่างแพร่ของกลุ่มหญิงสาวชาวไทย ที่มีสามีเป็นชาวต่างชาคติ โดยเข้าไปขอรับคำปรึกษา และกำหนดคุณสมบัติของชาวต่างชาติ โดยไม่ระบุสัญชาติเพื่อต้องการที่จะแต่งงานด้วย
จากนั้นบริษัทก็จะทำการติดต่อไปยังเครือข่ายกลุ่มเพื่อนชาวต่างชาติ โดยมีการประสานผ่านไปยังเครือข่ายคนไทยที่มีสามีเป็นชาวต่างชาติอยู่แล้ว ในลักษณะของแชร์ลูกโซ่ จนกระทั่งพบชาวต่างชาติที่ต้องการมีภรรยาเป็นคนไทย จึงนัดให้มีการพูดคุยกันผ่านทางอินเทอร์เนต ในเว็บไซต์ ที่ชื่อ www.thaipubluk.com และ www.thaizury.com.
ทั้งนี้ จะใช้เวลาในการพูดคุยกันนานกว่า 2 เดือน ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะตกลงกันที่จะนัดเจอกันที่ประเทศไทย โดยเลือกใช้สถานที่ทั้งที่ จ.ขอนแก่น ,ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ หรือตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของทางบริษัทเป็นผู้ประสานงานทั้งหมด โดยเบื้องต้นผู้ที่เข้ามาขอใช้บริการจะต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ 50,000 บาท
“ต้องยอมรับว่า ขณะนี้กระแสแฟชั่นหญิงไทย ในการที่จะมีสามีเป็นคนต่างชาติเพิ่มมากขึ้น แต่การทำงานของตำรวจ ไม่ใช่ว่าจะปิดกั้นกระแสความนิยมในลักษณะอย่างนี้ แต่เมื่อพบเห็นความไม่ถูกต้องก็จะต้องเข้าไปห้ามปราบ หรือดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมามีผู้เข้ามาร้องเรียนรวมแล้วกว่า 50 คน ทั้งเป็นหญิงสาวในจังหวัดขอนแก่น และอีกหลายจังหวัดของภาคอีสาน” พ.ต.ท.วีระวุฒิ กล่าวและระบุต่อว่า
อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่กล้าที่จะแจ้งความ เพราะกลัวว่าจะเกิดความอับอายทั้งของตนเองและคนในครอบครัว ขณะที่มูลความผิดที่ชัดเจน คือการที่หญิงสาวเหล่านี้ไปเสียเงินคนละ 50,000 บาท สำหรับการจัดหาในเบื้องต้นแล้ว พอถึงช่วงของการนัดเจอตัวที่ประเทศไทย ถ้าพบว่าทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายยินยอมพร้อมใจ ที่จะตกลงปลงใจอยู่ร่วมกันทางบริษัทก็จะเรียกเก็บอีกคนละ 50,000 บาท
กระบวนการนี้หญิงสาวดังกล่าวจะต้องเสียเงินรวมแล้ว 100,000 บาท และถ้าคู่ใดตกลงปลงใจที่จะแต่งงานกัน บริษัทก็จะหักเงินจากค่าสินสอดอีกร้อยละ 10 ซึ่งบางคนต้องเสียเงินกับการต้องการมีสามีเป็นชาวต่างชาติมากถึง 2-3 แสนบาท
ปัญหาที่พบคือ ถ้าหญิงสาวคนมาพบกับชาวต่างชาติที่ไม่มีความพร้อม หรือเข้ามาในประเทศไทยในลักษณะหลอกลวงหญิงสาว บางคนไม่ตรงกับความต้องการของฝ่ายหญิง และเลิกรากันไปภายในไม่ถึง 1 เดือน หรือเพียงแค่พบหน้าทางฝ่ายหญิงก็ไม่สามารถที่จะเรียกเงินในจำนวนดังกล่าวได้ ซึ่งยอดรวมของวงเงินที่เสียไปนั้น รวมแล้วกว่า 10 ล้านบาทเฉพาะตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
พ.ต.ท.วีระวุฒิ กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามที่จะเข้าไปดำเนินคดีกับกลุ่มบริษัทเหล่านี้แต่ไม่มีหญิงสาวรายใดที่กล้าจะแจ้งความจึงยังคงไม่มีผู้เสียหาย และจากการตรวจสอบยังคงพบอีกว่าบางคนไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อต้องการความสบายหรือความร่ำรวยเพียงแค่ชั่วข้ามคืน แต่ไม่มองถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินการ คือ การประชาสัมพันธ์ให้กับหญิงสาวที่ยังคงนิยมชื่นชอบแฟชั่นของการเป็นภรรยาของชาวต่างชาติ หากพบว่าสามีชาวต่างชาติเป็นคนดีและมีความจริงใจหรือมีเงินจริง ก็เป็นเรื่องที่ดีกับหญิงสาวชาวไทย แต่ถ้าพบคนที่ไม่ตรงตามกับที่เราต้องการก็เป็นเรื่องที่สูญเสียโดยไม่ได้กลับคืน
“ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมามีเพียง 1 ราย ที่เข้าแจ้งความแต่ก็สามารถที่จะตกลงและยอมความกันได้”
ขณะที่การตรวจสอบพบว่าในขณะนี้ทั่วทั้งจังหวัดขอนแก่น มีบริษัทในลักษณะดังกล่าวอยู่รวม 6 บริษัท ซึ่งมีลูกค้าทั่วประเทศรวมกว่า 1,000 ราย ซึ่งถ้าพบว่ามีการทำความผิดจริงและมีผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ก็สามารถที่จะดำเนินคดีในข้อกล่าวหาล่อลวงหรือฉ้อโกง ได้โดยทันที
