“จตุพร” ร้อนตัวโร่แจงสภา ยันไม่รู้เห็นส่งชายฉกรรจ์คุกคาม “นักข่าวสาว” โวยใครทำ ถือว่าเลวทรามต่ำช้า ต้องประณาม ปากดีโยน ตร.เอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้
วันนี้ (10 เม.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม โดยเปิดให้สมาชิกหารือก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ได้หยิบยกหารือกรณีที่มีข่าวนักข่าวสาวถูกชายฉกรรจ์คุกคาม ว่า เรื่องนี้มีสื่อมวลชนโทรศัพท์มาสอบถาม เมื่อมีการซักไซ้ไล่เลียงกัน ตนก็บอกว่าไม่ทราบ พร้อมบอกว่า ถ้ามีกรณีดังกล่าวจริง ถ้านักการเมืองไปกระทำเฉกเช่นนั้นจริง ควรได้รับการประณามว่าเป็นพฤติกรรมเลวทรามต่ำช้ามาก ทีแรกไม่เอะใจ แต่สงสัยทำไมต้องมาถามตน จึงเช็กนักข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ปรากฏว่า มีการพูดคุยถึงข่าวที่นักข่าวสาวที่ถูกคุกคาม โดยพุ่งเป้ามาที่ตน จึงสั่งให้ทีมงานเช็กข่าวตามเว็บไซต์ จึงรู้รายละเอียดว่า เป็น น.ส.ชลธิชา เหลิมทอง นักข่าวหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ประจำรัฐสภา ได้ไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวัน ที่ สน.นางเลิ้ง ว่า ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์สวมชุดซาฟารี คุกคามถึง 2 ครั้ง ใน 3 วัน โดยสะกดรอยตาม พร้อมมีรถตู้มาดักทางเข้าที่พัก
นายจตุพร กล่าวต่อว่า น.ส.ชลธิชา ได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับใคร แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการตอบโต้ในประเด็นข่าวเกี่ยวกับแก้ไขรัฐธรรมนูญกับ ส.ส.พรรคการเมืองใหญ่ จึงสร้างความไม่พอใจให้กับนักการเมืองคนดังกล่าวอย่างมาก จนมีการปะทะคารมกัน ซึ่งตนอยากชี้แจงว่าข้อหาฉกาจฉกรรจ์ที่นักการเมืองกลัวมากที่สุด คือ การคุกคามสื่อมวลชน เพราะเมื่อเช็กข้อมูลประกอบแล้วก็มีตนเพียงคนเดียวที่ไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว
“แต่ยืนยันว่า นิสัยของผม ถ้าไม่พอใจที่จะให้สัมภาษณ์ก็จะเดินหนีไปซึ่งนักข่าวที่เคยประจำที่พรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน ก็รู้นิสัยผมดี ถ้าวันนี้ผมไม่ได้พูดในสภา ก็จะถูกมองว่ามีปัญหากับนักข่าว แต่ข่อเท็จจริง คือ ในวันดังกล่าวหลังการให้สัมภาษณ์ ก็มีนักข่าวบางส่วนเข้ามาคุย ซึ่งผมก็คุยด้วยไม่มีปัญหา เพราะการตอบโต้ในประเด็นข่าวระหว่างกันถือเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่อยากฝาก คือ เมื่อมีการแจ้งความแล้วก็ขอให้ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ดำเนินการอย่างถึงที่สุด และดำเนินการเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า ตนอยากฝากบอกถึงนักข่าวผู้นั้น และสำนักพิมพ์ ถึงแม้จะไม่มีการเอ่ยชื่อตนก็ตาม ตนไม่ได้มีสันดานชั่วช้า เลวทรามอย่างนั้น ถ้าไม่พอใจก็จะแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งหลายคดีก็ลงแก้ข่าวให้ แต่วิธีการคุกคามลักษณะอย่างนี้ไม่ว่า ใครจะเป็นคนทำก็ตาม แต่ตนเป็นคนหน้าตัวผู้ ตนไม่ชอบคนหน้าตัวเมียที่นำพฤติกรรมใส่ความตน