xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ช.ส่งต่อ 4 องค์กรลงมติฟัน “ไชยา” ขาดคุณสมบัติ รมต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกล้านรงค์ จันทิก
“กล้านรงค์” จี้ต่อมสำนึก “ไชยา” อย่าปัดความรับผิดอ้างไม่รู้ กม.ไม่ได้ เพราะป.ป.ช.เคยแจ้งให้ทราบในวันรับตำแหน่ง รมต.แล้ว ส่งมติให้ 4 องค์กรที่เกี่ยวข้องพิจารณาสัปดาห์หน้า

วันนี้ (8 เม.ย.) นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ถึงกรณีที่นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแจ้งมายังประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องคู่สมรสถือหุ้นในบริษัท ทรัพย์ฮกเฮง จำกัด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมาเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 51 ว่า จากการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายไชยา ปรากฎว่านางจุไร สะสมทรัพย์ คู่สมรสมีรายการเงินลงทุนที่เป็นหุ้นในบริษัท ทรัพย์ฮกเฮง จำกัด จำนวน 25,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท รวมเป็นเงิน 2,500,000 บาทจากทุนจดทะเบียนทั้งหมดของบริษัท โดยหุ้นจดทะเบียนทั้งหมดของบริษัทฯ จำนวน 50,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท เป็นเงิน 5,000,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 50 ของหุ้นจดทะเบียนทั้งหมด ซึ่งเป็นการถือหุ้นกินกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จำหน่ายได้ในบริษัท

ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่า ตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายไชยา ได้แจ้งให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช.ทราบว่าประสงค์จะได้รับประโยชน์จากการที่สมรสถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 269 ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 มาตรา 5

นายกล้านรงค์ กล่าวต่อว่า หลังจากปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนว่านางจุไรถือหุ้นในบริษัททรัพย์ฮกเฮง จำกัด เกิดกว่าจำนวนที่กฎหมายกำหนดและในวันเดียวกันนายไชยาได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 2 เม.ย. 51 ถึงประธานกรรมการ ป.ป.ช. ชี้แจงว่าตนเองเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าตาม พ.ร.บ. การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรีปี 2543 ที่กำหนดเฉพาะตัวรัฐมนตรีต้องดำเนินการตามมาตรา 5 คือแจ้งการถือหุ้นให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช.โดยไม่ทราบว่าต้องแจ้งของคู่สมรสที่มีหุ้นในบริษัทด้วย มิได้จงใจบิดบังซ่อนเร้นหรือกระทำผิดต่อกฎหมายที่กำหนดแต่อย่างใด จึงรีบแจ้งให้ทราบและจะไปดำเนินการโอนหุ้นดังกล่าวให้นิติบุคคลภายใน 90 วันนับแต่วันที่แจ้งประธาน ป.ป.ช.ทราบ และหลังจากโอนหุ้นในนิติบุคคลเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ประธาน ป.ป.ช.ทราบภายใน 10 วัน นับแต่วันที่โอนหุ้น

นายกล้านรงค์ กล่าวอีกว่า การที่นายไชยาชี้แจงทำนองว่ามิได้มีเจตนาหรือจงใจกระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายจึงไม่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่จะวินิจฉัยได้ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 51 นายศราวุธ เมนะเศวต เลขาธิการ ป.ป.ช. ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับการกรอกแบบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่รัฐให้คณะรัฐมนตรีชุดนี้ได้รับทราบแล้ว ตามหนังสือเชิญประชุมของเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยการชี้แจงครั้งนี้นายศราวุธ ได้บรรยายให้ทราบถึงรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 269 ที่กำหนดหลักการเพิ่มเติมนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญปี 40 มาตรา 209 โดยนอกจากจะห้ามนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัท หรือคงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทแล้วยังห้ามรวมถึงคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วย

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า เกี่ยวกับการแจ้งความประสงค์จะได้รับประโยชน์จากการเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทในส่วนที่เกินจากจำนวนที่กฎหมายกำหนดของรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้นั้น ปรากฎว่ามีรัฐมนตรีจำนวน 3 ราย ได้แสดงความประสงค์ไว้ ประกอบด้วย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แสดงความประสงค์จะได้รับประโยชน์จากหุ้นของคู่สมรส นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข แสดงความประสงค์จะได้รับประโยชน์จากหุ้นของคู่สมรส นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความประสงค์จะได้รับประโยชน์จากหุ้นของคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

นายกล้านรงค์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาเห็นว่าตามพ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 ได้กำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการและรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 50 มาตรา 182 วรรคสาม ไดกำหนดให้นำบทบัญญัติมาตรา 91 มาตรา 92 มาใช้บังคับกับการสิ้นสุดของความเป็นรัฐมนตรีตาม (2) (3) (5) หรือ (7) โดยให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ด้วย ซึ่งมาตรา 91 และมาตรา 92 นั้นเป็นกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหนึ่งแห่งสภานั้นสิ้นสุด

“คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แจ้งข้อเท็จจริงพร้อมส่งเอกสารในเรื่องนี้ไปยัง นายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อรับทราบและพิจารณาต่อไป” นายกล้านรงค์ กล่าว
ไชยา สะสมทรัพย์
กำลังโหลดความคิดเห็น