“ชูศักดิ์” เผย วันนี้ได้ข้อสรุปแก้ รธน.50 ระบุ พรรคร่วมรัฐบาลต้องยึดเสียงข้างมากเป็นหลัก หากความเห็นพรรคร่วมแตกต่าง ไล่สื่อย้อนดูประวัติศาสตร์ รับ-ไม่รับ รธน.50 อ้างแม้แต่นักวิชาการยังไม่เห็นด้วยกับมาตรา 309 ยันบกพร่องต้องแก้ไข
วันนี้ (8 เม.ย.) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ว่า วิปรัฐบาลคุยกันในเรื่องของหลักการให้แต่พรรคกลับไปพิจารณา และแต่ละพรรคไปหารือกันในพรรคเพื่อหาข้อยุติในวันนี้ (8 เม.ย.) ว่า จะแก้ไขทั้งฉบับ หรือแก้ไขบางมาตรา วันนี้จะได้ข้อยุติ และหากพรรคร่วมรัฐบาลได้ข้อสรุปที่แตกต่างกันก็ไม่มีปัญหา หมายความว่า เราต้องหารือกัน โดยยึดเสียงส่วนใหญ่เป็นหลัก โดยมาพูดกันด้วยเหตุและผล ถ้าเป็นการแก้ทั้งฉบับก็ต้องไล่กันตั้งแต่หมวดแรกกันไปเลย เพราะมีบางหมวดไม่จำเป็นต้องแตะต้องอะไร แต่บางหมวดอาจจะต้องแก้ไข เช่น เรื่องระบบ ส.ส.ระบบ ส.ว.ระบบเลือกตั้ง ต้องแก้ไหม เพราะว่าหลายส่วนก็ไม่เห็นด้วย วันนี้คงได้ยุติ
ส่วนที่จะมีการเสนอให้มีการเพิ่ม วรรค 2 ในมาตรา 309 ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกกระทำในขณะนั้นฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกับตัวเองนั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เดิมเสนอให้มีการตัดมาตรา 309 ออก คนก็มองว่า ที่ตัดออกเพื่อต้องการยกเลิก คตส.แน่ ตนก็บอกว่าไม่ใช่ ไม่ได้เป็นการยกเลิก แต่เป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ต่อสู้ได้ ถ้ามันขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็ยังไม่เข้าใจกันเอง ตนก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นให้เอาวรรคแรกไว้ คือ การกระทำใดๆ ที่กระทำก่อนรัฐธรรมนูญปี 2550 ประกาศใช้ถือเป็นการกระทำโดยชอบ แล้วให้มีการเพิ่มวรรค 2 หมายความว่า ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ชอบด้วยกฎหมาย ถ้ามันขัดหลักการพื้นฐานบางเรื่องของรัฐธรรมนูญก็ให้ถือว่าไม่ชอบได้ และถ้าถามต่อว่า
“แล้วใครจะตัดสิทธิว่าไม่ชอบได้ ก็ไม่ใช่พรรคพลังประชาชนตัดสิน หรือผมตัดสิน แต่คนตัดสิน คือ ศาลยุติธรรม หรือศาลรัฐธรรมนูญ หลักทั่วไปคือ องค์กรที่ใช้อำนาจตุลาการควรจะมีอำนาจวินิจฉัยว่า กฎหมายใดไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้ เพราะฉะนั้นพอเพิ่มเข้ามากชัดเจนว่า เจตนาดั่งเดิมเราต้องการแก้ตรงนี้เพราะอะไร เพียงอธิบายสื่อแล้ว สื่อก็ไปเข้าใจว่าแก้ตรงนั้นแก้ตรงนี้ ผมก็บอกว่าไม่ใช่ เจตนาทำเพื่ออะไร และไม่ได้เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นเพื่อลดกระแสต่อต้าน รอไปย้อนดูคำให้สัมภาษณ์ของผมดูได้ตลอดมา ผมก็ยืนอย่างนี้ตลอดมา” นายชูศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ตอนนี้รัฐบาลมั่นใจว่า มีเสียงพอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนก็คิดว่ามันเป็นเหตุเป็นผลว่าที่แก้ถูกต้องไหม ชอบธรรมไหม เราไม่ได้มุ่งหวังว่าต้องมีเสียงเท่านั้นเท่านี้ ถ้ามันเป็นเหตุเป็นผลว่า สมควรต้องแก้ก็ต้องแก้ ไล่ประวัติศาสตร์ให้พวกคุณดูไปกรอเทปกลับดูก็ได้ในช่วงรับหรือไม่ พรรคการเมืองต่างๆ เห็นยังไง นักวิชาการเห็นยังไง
“มาตรา 309 นักวิชาการเกือบทุกองค์กรไม่เห็นด้วย ไปกรอเทปกลับดู ว่า พรรคการเมืองต่างๆ บอกไว้ยังไงว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้บกพร่อง ไม่เห็นด้วยต้องแก้ไข เพียงแต่ว่า ช่วงนั้นบอกรับๆ ไปก่อน เพื่อที่จะได้มีการเลือกตั้ง” นายชูศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดว่า ร่างรัฐธรรมนูญจะนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาได้เมื่อไร นายชูศักดิ์ กล่าว คิดว่าไม่น่าจะช้า เพราะว่าจริงๆ ก็เปรียบเทียบกันอยู่แล้ว ส.ส.ร.ชุดที่ผ่านมา ก็เปรียบเทียบแล้ว รัฐธรรมนูญปี 2540 ว่ายังไง รัฐธรรมนูญปี 2550 ว่ายังไง ตั้งเปรียบเทียบให้ดู มีประเด็นสำคัญไม่กี่ประเด็นที่สมควรจะต้องเปลี่ยนแปลง ส่วนเสียงของ ส.ว.ถือว่าเป็นอิสระ ก็สุดแต่ท่าน สมมุติเราแก้เรื่องวุฒิต่อไปนี้ไม่เอาแล้วสรรหา ต้องมาจากการเลือกตั้งอย่างเดียว คนก็ไปถามวุฒิปัจจุบันจะโหวตให้หรือ มันมีบทเฉพาะกาล วุฒิที่มีอยู่ต้องอยู่จนครบวาระ แล้วเลือกตั้งค่อนว่ากันตามกฎหมายใหม่
รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ประเด็นมันชัดเจนมีการเปรียบเทียบรัฐธรรมนูญปี 2540 และ ปี 2550 เป็นยังไง ส.ส.ร.ก็เปรียบเทียบให้เห็นแล้ว พรรคการเมืองต่างๆ ก็ศึกษาพอสมควรแล้ว พลังประชาชนศึกษาไว้ตั้งแต่ตอนรับไม่รับ มีหมดประเด็นอะไรที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ส่วนประเด็นมาตรา 237 ถ้ามีการแก้ไขจะทันต่อการตัดสินคดียุบพรรคหรือไม่นั้น ตรงนี้ไม่ได้คิดคำนึงว่า ทันหรือไม่ทัน ก็ยืนยันมาตลอด แน่นอนที่สุดถ้าแก้ทั้งฉบับต้องใช้เวลานาน อย่างน้อย 5 เดือน 6 เดือน จะทันไม่ทันไม่ได้คิดตรงนั้น ไม่ใช่ปัจจัยหลัก
เมื่อถามว่า นายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา ออกมาให้ความคิดเห็นว่า การตัดสินคดียุบพรรคจะยืดยื้อไปจนกว่าจะมีการตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า โอ๊ย ตนไม่มีพรายกระซิบแบบท่าน ไม่ทราบ ไม่มีความเห็น
