รองนายกฯเบอร์ 1 เลิกแทงกั๊กหนุนแก้ไข รธน.เต็มสูบ ไม่สนกลุ่ม ส.ส.ร.-พันธมิตรฯ คัดค้านทุกรูปแบบ อาศัยเสียงข้างมากโยนบาปให้สภาเป็นผู้พิจารณา เมินความรู้สึก ปชช.
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายสมชาย วงศสวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม ส.ส.ร.50 และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุว่า จะยื่นถอดถอน ส.ส.ที่ยื่นรายชื่อเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ตามมาตรา 122 ว่า ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล ตนเคยบอกไปแล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นต้องเป็นไปตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ว่าอนุญาตให้แก้ได้ เขียนไว้ชัดเจนว่าใครที่จะมาแก้ได้ ซึ่งจะต้องทำตามบทบัญญัติเหล่านั้น ส่วนการที่จะยื่นถอดถอนนั้นหากกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้ก็สามารถที่จะทำได้ ไม่มีปัญหาอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า กดดันหรือไม่ที่ถูกจับตามองทั้งจากฝ่ายค้าน และนักวิชาการมากขึ้น นายสมชาย กล่าวว่า เรื่องของความเห็นนั้นสามารถที่จะแสดงความเห็นได้ทั้งนั้น ซึ่งสุดท้ายแล้วก็คงเป็นเรื่องของสภาที่จะพิจารณา ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงจำนวนมากในสภาย่อมสามารถที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ตามต้องการนั้น นายสมชาย กล่าวว่า ระบบของสภานั้น ต้องยอมรับเสียงข้างมาก ทุกคนสามารถที่จะแสดงความเห็นได้ แต่จะให้ทำอย่างไร เพราะกฎหมายจะต้องเป็นตัวกลางที่จะถูกนำมาบังคับใช้
สำหรับกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ ส.ส.นั้น นายสมชาย กล่าวว่า ต่างคนก็ต่างความคิด คนที่จะมาแก้ก็บอกว่าเพื่อให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่เป็นสากลมากยิ่งขึ้น ขณะที่อีกฝ่ายก็บอกว่าไม่ใช่ แต่คนไทย 63 ล้านคนก็คงจะรอฟังเหตุผลของแต่ละฝ่ายก่อนที่จะพิจารณาว่าเป็นอย่างไร ส่วนกรอบเวลาที่ดูจะเร่งรัดเพื่อให้ทันการพิจารณายุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายสมชาย กล่าวว่า สุดท้ายคงจะเป็นเรื่องของสภาที่จะพิจารณาว่าจะแก้ไขเมื่อไหร่อย่างไร ส่วนเรื่องระยะเวลาจะทันหรือไม่ทันขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรค และตนก็ไม่ได้เป็นวิปรัฐบาล
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นนักฎหมายมองว่ามีความถูกต้องหรือไม่ที่จะเร่งรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ นายสมชาย กล่าวว่า เป็นเรื่องของความคิดของคนที่จะแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนตัวมองว่าทุกอย่างจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า ขณะนี้บรรยากาศเมื่อครั้ง 19 ก.ย.กำลังจะกลับมาอีกครั้งนั้น นายสมชายปฏิเสธที่จะตอบคำถามพร้อมทั้งเดินเข้าห้องประชุมไปทันที
