“สื่อเทียม” หน้าแหกแบกหนี้ไม่ไหว ปิดจอหนีอ้างเผด็จการสิ้นสุด

บอสใหญ่พีทีวี แบกหนี้ก้อนโตไม่ไหว ยอมหน้าแหกปิดจอหนี ปฏิเสธหน้าตาเฉยไม่ได้ลอยแพพนักงาน แต่ยินดีจ่ายค่าชดเชยตาม กม.เชื่อ “สมัคร” แฉปฏิวัติ เป็นคุณกับประชาธิปไตย ยัน นปช.ไม่ร่วมม็อบต้านพันธมิตรฯ

วันนี้ (31 มี.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะอดีตรองประธานสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี กล่าวถึงการปิดตัวของสถานีโทรทัศน์พีทีวี ว่า นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี และทีมงานพีทีวีทั้งหมด ได้หารืออย่างรอบคอบแล้วว่า ไม่สามารถแบกรับปัญหาทางการเงินของสถานีต่อไปได้ หากยังเปิดทำการต่อไปอีก 6 เดือน อาจจะไม่มีเงินจ่ายค่าชดเชยให้กับธนาคารอย่างเพียงพอ จึงเห็นว่าควรจะหยุดดำเนินการและปิดสถานีลงจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม บริษัทได้จ่ายเงินชดเชยให้กับพนักงานด้วย คือ อายุงาน 1 ปี ชดเชยให้ 5 เดือนบวกเงินเดือนอีก 1 เดือนเป็น 6 เดือน ขณะที่พนักงานที่มีอายุงาน 3 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี ชดเชยให้ 3 เดือนบวกเงินเดือน 1 เดือนเป็น 4 เดือน เชื่อว่า จะทำให้พนักงานสามารถดูแลตัวเองได้ก่อนที่จะไปหางานใหม่ ซึ่งเป็นหนทางที่ดีที่สุด และพนักงานทุกคนก็ยอมรับ

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เนื่องจากในช่วงที่ก่อตั้งพีทีวีช่วงแรกๆ นั้น ประสบปัญหาในเรื่องของการออกอากาศ จนถึงขณะนี้ก็ยังมีปัญหาในเรื่องของผู้สนับสนุนรายการ แม้ตอนนี้บ้านเมืองกลับมาเป็นประชาธิปไตยแล้ว พีทีวีก็ยังประสบปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมาบอกชัดเจนแล้วว่าพีทีวีเป็นสื่อที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเผด็จการ เป็นการลงทุนกันเองระหว่างเพื่อนพ้อง ไม่มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง แต่ตอนนี้ไม่สามารถพยุงต่อไปได้ เพราะมาถึงจุดสุดสายป่านแล้ว จึงเห็นว่าควรนำเงินทุกบาททุกสตางค์มาให้กับธนาคารจะดีกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า การปิดตัวลงอย่างกะทันหันอาจจะทำให้ถูกมองว่า การตั้งพีทีวีเป็นการตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือพรรคพลังประชาชน นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความเจ็บปวดของทุกๆ คน แต่ต้องมองตามสภาพความเป็นจริงว่า บริษัทไม่สามารถเดินต่อไปได้จึงต้องเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด คือ การช่วยเหลือพนักงานก่อน ส่วนในอนาคตพนักงานจะย้ายไปอยู่ที่ใดนั้น ตนเชื่อว่าพนักงาานพีทีวีมีคุณภาพ ในฐานะที่ร่วมต่อสู้ทางการเมืองด้วยกันมา หากไม่นับเรื่องของปัญหาการเงิน เชื่อว่า พีทีวีมีบุคลากรที่มีคุณภาพซึ่งจะสามารถเดินต่อไปได้

ส่วนทราบหรือไม่ว่าพนักงานพีทีวีไปสมัครงานที่ใดไว้บ้าง นายจตุพร กล่าวว่า ทราบว่า ไปสมัครหลายที่ รวมทั้งช่อง 11 ที่จะมีการปรับโฉมใหม่ ซึ่งตรงนี้คงเป็นสิทธิ์ของพนักงาน ส่วนนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ 1 ในอดีตผู้ก่อตั้งพีทีวี ได้เข้ามาช่วยเหลือพนักงานด้วยหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า นายจักรภพ มีความรู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน แต่ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีคงจะไม่สามารถเข้ามาช่วยอะไรได้

สำหรับกรณีกระแสข่าวปฏิวัติที่หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกมาเปิดเผยชื่อบุคคลที่จะทำการปฏิวัตินั้น นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องของการปฏิวัติไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องออกมาสร้างความตื่นตัวให้กับประเทศเพื่อความไม่ประมาท ถือเป็นคุณให้กับประชาธิปไตยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย 19 ก.ย.ใครที่กำลังมีความคิดอยู่ให้เลิกคิดที่จะปฏิวัติ ส่วนจะเป็นกลุ่มบุคคลหน้าเดิมหรือไม่นั้น ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ซึ่งอีกไม่นานนี้ก็คงได้เห็น เพราะมีเงื่อนไขบางประการที่ชัดเจน และมีการสร้างสถานการณ์คล้ายกับช่วงก่อนรัฐประหาร 19 ก.ย.

ส่วนกรณีที่ นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ในฐานะโฆษกกลุ่มมหาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย ระบุว่า กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติหรือ นปช.จะเข้าร่วมในการเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯด้วยนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้แกนนำ นปก.ยังไม่เคลื่อนไหวใดๆ เพียงแต่คอยสังเกตการณ์ เพราะการต่อสู้ของ นปช.ต้องรอบคอบ หากขยับอะไรแล้วอาจจะมีประชาชนมาร่วมนับหมื่น เพราะมีฐานสนับสนุนเยอะ แต่ในอนาคตเมื่อเห็นว่าบ้านเมืองมาสุดทาง มีขบวนการโค่นล้มชัดเจน ถึงเวลานั้นก็อาจจะออกมาเคลื่อนไหว