“สมเกียรติ” แฉรัฐบาลหุ่นเชิด จนตรอก 3 เงื่อนไข ต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญ สวนทางนโยบายที่แถลงต่อสภา หวังช่วยอาชญากรพ้นผิด เตือนรัฐบาลอัปลักษณ์ ระวังพลังอันยิ่งใหญ่ของภาคประชาชน ปลุกรักษาประโยชน์ชาติ ตามมาตรา 70-71 ของรัฐธรรมนูญ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
“สมเกียรติ” แฉ “รัฐบาลหุ่นเชิด”
( 56 k ) | ( 256 K )
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวในช่วงอภิปราย “บทบาทของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในสถานการณ์ใหม่” ในงานสัมมนา “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ช่วงเวลา 21.30 -23.00 น.ที่ผ่านมา ว่า ตามนโยบายที่รัฐบาลชุดนี้ได้แถลงต่อรัฐสภาที่บอกว่าปีแรกจะทำ 19 ข้อนั้น ไม่มีข้อไหนที่ระบุว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากนั้นในหน้า 28 หน้าสุดท้ายยังบอกว่า รัฐธรรมนูญนี้ผ่านการลงประชามติมา ถ้าจะมีการแก้ไขก็ต้องทบทวนศึกษาให้ดี
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า แต่เมื่อถึงภาวะจนตรอกด้วยเหตุ 3 เรื่อง 1.คดีที่จะสิ้นสุดและมีคำพิพากษาในกลางปีนี้ อาชญากรของชาติจึงคิดทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด และคนพวกนี้เคยซื้อศาลมาแล้วจากคำพิพากษายุบพรรคไทยรักไทย 2.รัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลหุ่นเชิดจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ หลังประธานรัฐสภาต้องหยุด ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นจุดอัปลักษณ์ที่สุดอันหนึ่งของประเทศ เขาจึงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตัวเองพ้นผิด และ 3.พรรคการเมืองที่ตนเอง และกรรมการบริหารพรรคซื้อเสียง อยากจะแก้ไขกฎหมาย ให้การซื้อเสียงที่ผิดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และให้สังคม ประเทศชาติเป็นผู้ผิด
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ภาวะจนตรอก 3 เรื่องนี้ นำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่นโยบายไม่ได้พูดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย จึงเป็นนโยบายที่หลอกลวงประชาชน และดัดจริต นายสมัครชอบพูดว่าคนที่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นพวกดัดจริต พอถูกถามเรื่องทุจริตก็บอกว่าทุเรศ แต่ที่จริงแล้วนโยบายรัฐบาลนี้ต่างหากที่ดัดจริตและทุเรศ
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ตนอยู่ในสภารู้สึกเซ็งที่ถูกกระแนะกระแหน คนพวกนั้นดูถูกภาคประชาชน แต่วันนี้เห็นประชาชนมาถึง 2 หมื่น พวกนั้นน่าจะเป็นลมไปแล้ว นี่คือพลังทางศีลธรรมที่ตื่นขึ้น เขาให้รัฐบาล 6 พรรค เข้าไปแก้ปัญหาชาติ เรื่องข้าวยากหมากแพง น้ำมันแพง แต่ดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วก็ไม่แก้มาตราอื่น แต่จะไปแก้มาตรา 309 เพื่อตัดตอน คตส.ไม่ให้ส่งคดีขึ้นสู่ศาล หรือที่ขึ้นสู่ศาลแล้วก็ให้เป็นโมฆะ และแก้ให้เป็นว่าการซื้อเสียงไม่ผิด แต่คนทั้งชาติต่างหากที่วิปริต
นายสมเกียรติ ย้ำว่า รัฐบาลนี้คือรัฐบาลที่อัปลักษณ์ที่สุดใน 800 ปีของประวัติศาสตร์ไทย และยุคนี้ก็เข้ากับภาษิตที่ว่ากระเบื้องจะเฟื่องฟูลอยน้ำเต้าน้อยจะถอยจม ทหารที่ฉวยโอกาสเข้ามาก่อรัฐประหารหลังจากประชาชนเคลื่อนไหวมา 7 เดือน ก็ได้รัฐบาลที่อ่อนแอที่สุดในโลก เมื่อได้รัฐบาลใหม่ก็เป็นรัฐบาลที่อัปลักษณ์ที่สุดในโลก
“พี่น้องครับ อย่าไปสนใจพวกนักการเมืองมาก พลังชี้ขาดของประเทศคือพลังประชาชน ผมไม่แคร์หรอก อยู่ในรัฐสภา ไม่มีใครจัดการผมได้หรอก นอกจากพลังทางศีลธรรมมาจัดการผมเอง ถ้าผมเป็นคนเลว พี่น้องช่วยปกป้องผมด้วย ถ้าใครรังแกผม ถ้าพวกไอ้ ส.ส.เบื้อกในสภาแล้วรังแกผม พี่น้องจะช่วยผมไหมครับ”
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ในอดีตประชาชนเคยกระทืบรัฐสภามาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกนักศึกษา 8 แสนคนเคยไล่ผู้นำที่เป็นนายพลออกนอกประเทศมาแล้ว ครั้งที่ 2 เดือนพฤษภาคม 2535 พรรคสามัคคีธรรมซึ่งเป้ฯที่รวมของเปรตทางการเมืองก็ถูกประชาชนไล่กระทืบ และครั้งที่ 3 ระบอบทักษิณที่ข่มขืนประเทศไทย แทรกแซงองค์กรอิสระ ฉีกรัฐธรรมนูญ ก็ถูกประชาชนขับไล่ และคราวนี้เป็นวิกฤติรัฐธรรมนูญครั้งที่ 4 และประชาชนจะออกมามากถึง 4 เท่าจากครั้งแรก
“นี่คือความยิ่งใหญ่ของการเมืองภาคพลเมือง การเมืองภาคประชาชนที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ แล้วผมไปเป็น ส.ส. ไฉนเลยผมจะลืมบุญคุณของพันธมิตรฯ และพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ นี่คือนายของผม นี่คือพรรคอันยิ่งใหญ่ของผม พรรคประชาชน”
นายสมเกียรติได้เรียกร้องให้ประชาชนทำหน้าที่ต่อไปตามมาตรา 70 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุให้บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมาตรา 71 บอกไว้ว่า บุคคลย่อมมีหน้าที่ป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติ ถ้านักการเมืองจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อรักษาผลประโยชน์ของพวกตน ประชาชนต้องจัดการตามมาตรา 71 นี้ นี่คือพลังของประชาชนอันยิ่งใหญ่ และขอแสดงความเครารพอย่างสูงต่อพลังทางศีลธรรม และอีกไม่นานเราจะพบวันที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ พลังทางศีลธรรมจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
