xs
xsm
sm
md
lg

“จำลอง” แจงเหตุไปนอก-ย้ำผนึกแน่นพันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่สามารถเข้าร่วมเวทีพันธมิตรฯ ในวันที่ 28 นี้ได้ เนื่องจากติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ และก่อนหน้านี้ ก็ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ได้ อย่างไรก็ตาม พล.ต.จำลอง ได้บันทึกการให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนที่ยังยึดมั่นในการต่อสู้ร่วมกับพันธมิตรฯ และชี้แจงความจำเป็นที่ไม่สามารถมาร่วมกับพันธมิตรฯ ทั้ง 2 ครั้ง

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พลตรี จำลอง ศรีเมือง

สาเหตุที่ท่านไม่ได้ไปร่วมประชุมกับพันธมิตรฯ ทั้ง 4 คน ในวันนั้น สาเหตุเพราะอะไร

- เพราะผมต้องเดินทางไปประชุมที่ประเทศเกาหลีใต้ เขามีศูนย์พัฒนาความเป็นผู้นำไปสู่ชาวโลก เรียกเป็นภาษาอังกฤษ ว่า Global Leadership Development Center ซึ่งผมเป็นกรรมการคนหนึ่ง แล้วเขาขอเชิญผมไป ผมรับปากเขาไว้นานแล้วนะครับ ก็ต้องไป เนื่องจากว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจริงๆ แล้วมันหลายปีกว่าผมจะเดินทางไปต่างประเทศสักที บังเอิญไปคราวนั้นก็ตรงกับวันที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประชุมกันพอดี คือวันที่ 12 มีนาคม ซึ่งผมก็ได้แจ้งก่อนการประชุมแล้วว่าอย่าเอาผมเป็นหลักเลย เพราะว่าการดำเนินงานของพันธมิตรฯ ต้องเป็นไปตามสถานการณ์ จะไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้นมันไม่ได้ทั้งนั้น ก็ขอให้เขาจัดไปตามเดิมเถอะ ผมก็เลยขาดไปสำหรับวันที่ 12 มีนาคม เนื่องจากต้องไปประเทศเกาหลีใต้นะครับ ผมไปตั้งแต่วันที่ 11 กลับวันที่ 14 ครับ

นั่นคือ ครั้งแรกที่ท่านไม่ได้ไปร่วมประชุม

- คือ การประชุมเป็นอย่างนี้นะครับ การประชุมในระยะหลังเพิ่มเริ่มเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่พวกเราประชุมกันนั้นไม่มีใครไปโน้มน้าวใครว่าขอให้มาประชุมเถอะ เวลาพูดกันมาแล้วตรงกันหมด พูดกันทางโทรศัพท์ เราเห็นแล้วว่าสถานการณ์มันบังคับ บังคับเพราะอะไรครับ คือหลังจากที่เราหยุดยั้งมานานปีกว่าๆ แล้ว จนกระทั่งเขามีการเลือกตั้งแล้ว เราเห็นว่าเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยดี แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น บ้านเมืองชักจะแย่ลงๆ เราก็มีความเห็นเหมือนกันว่า รัฐบาลก็คือลูกจ้างชั่วคราวเท่านั้นเอง ซึ่งเราจ้างให้เขามาทำงาน เพราะเขามากินภาษีอากรของพวกเรา ใช่ไหมครับ เขาเป็นลูกจ้างชั่วคราว ถึงเวลาก็มา ถึงเวลาก็ไป บางทีไม่ถึงเวลาก็ทั้งมาทั้งไป เราจะต้องเอาประชาชน เอาประเทศชาติเป็นหลัก การที่เราไปลงคะแนนจะเลือกใครก็ตามไม่ได้หมายความเราหมดสิทธิ์ไปแล้ว เพราะเราไม่ได้ขายสิทธิ์ แต่เราจะต้องติดตามดูแลต่อไป หากบ้านเมืองมีปัญหา ประชาชนหลายต่อหลายคนจะต้องออกมาช่วยกัน ก็เหมือนคราวที่แล้วนะครับ คราวนี้ก็เหมือนกัน เราออกมาเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เพื่อมาบอกเตือนประชาชนว่า บ้านเมืองชักแย่ลงๆ นะ หลายคนอึดอัดขาดเคือง แล้วก็มีการวิเคราะห์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ว่าแกนนำพันธมิตรฯ มีอยู่ 5 คน ได้ข่าวว่าคนนี้ทะเลาะกับคนนั้น คนนั้นแยกวงกับคนนี้ คนนี้เป็นอย่างโน้นอย่างนี้มา เอ๊ะ ท่าทางจะจริงมั้ง ทำไมเงียบกันไปหมดเลย บ้านเมืองเกิดปัญหาอย่างนี้แล้วทำไมไม่ออกมา เราก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง พอพูดกันปุ๊บเห็นด้วยกันทั้งนั้นเลย ต้องประชุมในวันนั้น ครั้งแรกของรอบ 2 นะครับ คือวันที่ 4 กุมภาพันธ์ และต่อมาก็ทุกพุธๆ มีพุธที่ 5 มีนาคม แล้วก็ 12 มีนาคม และที่มันเกิดเรื่องนี่คือผมไม่ได้ไป หลายคนเลยตั้งข้อสังเกต เอ๊ะ สงสัยจะเหลือ 4 คนแล้วมั้ง พล.ต.จำลอง ไม่อยู่แล้วมั้ง ดีแล้วครับที่หนูตั้งคำถามๆ นี้

นี่เป็นการยืนยันถึงจุดยืนของ พล.ต.จำลอง ไหมคะว่ายังเหมือนเดิมทุกประการ แต่ว่าที่ไม่ได้ไปก็เนื่องมาจากสาเหตุหลักคือต้องไปประชุมที่ต่างประเทศ

- ใช่ครับ แล้วเป็นการประชุมสำคัญเสียด้วย เนื่องจากว่าผมเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนผู้นำในเมืองไทย ไม่ใช่สาขาของเขานะครับ แต่มันตรงกันพอดี เขามีสาขาประเทศต่างๆ อีกตั้งหลายประเทศ รวมทั้งเขาตั้งศูนย์พัฒนาความเป็นผู้นำไปสู่ชาวโลกด้วย แล้วเรารับปากเขาไว้ตั้งนานแล้วว่ามีประชุมเมื่อไรเราจะไป พอเขามีประชุมเราก็ต้องไป และเราก็ไม่ได้ปิดบัง เราก็บอกกับกรรมการของแกนนำนะครับว่า ผมติดจริงๆ นะครับ ผมต้องไป เขาก็เห็นด้วย จะให้เขาเลื่อนตามผมได้ยังไง เพียงแค่คนเดียว แล้วเหตุการณ์ต่างๆ มันต้องเป็นไปตามสถานการณ์ ที่มีแกนนำมาร่วมปรึกษาหารือกัน จะไปรอเมื่อนั้นเมื่อนี้ เลื่อนไปอย่างนี้ไม่ได้ครับ

แล้วมันยังมีอีกครั้งหนึ่งครับ คือวันที่ 28 มีนาคมนี้ล่ะครับที่เป็นรายการใหญ่ มีการสัมมนากันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หอประชุมใหญ่นะครับ ผมก็เกิดมีความจำเป็นอีก มีความจำเป็นยังไงครับ เนื่องจากว่าเขาตั้งผมเป็นรองประธานมูลนิธิ ซึ่งมีการประชุมที่โตเกียว ผมจะต้องไปประชุม เพราะว่ามูลนิธินี้มีเป้าหมายในการช่วยเหลือเด็กซึ่งเป็นลูกหลานของเหยื่อสึนามิ และก็เหยื่อของสาธารณภัยที่อาจจะเกิดขึ้น ที่ไหนก็ได้เขาเตรียมไว้แล้วที่จะช่วยเหลือลูกหลานของเหยื่อเหล่านั้นนะครับ แล้วเขาก็กำหนดว่าผมนี่แหล่ะคือรองประธานมูลนิธิ ผมก็ต้องไปอีกเหมือนกันนะครับ อย่างที่ผมเรียนไปแล้วนะครับ ไม่ใช่เอะอะอะไรผมไปต่างประเทศอยู่เรื่อย ไม่ใช่นะครับ นาน น้าน ที แต่ก่อนนี้เคยไปบ่อยก็สมัยที่เคยเกี่ยวข้องอยู่ในวงการเมืองอยู่อย่างจริงจัง ตอนหลังมาก็เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ฉะนั้นขอเรียนกับหลายๆ ท่านนะครับว่ากรุณาอย่าเข้าใจผิด ผมไปนี่ด้วยความจำเป็นจริงๆ และมันเป็นประโยชน์กับเมืองไทยเลยต้องไป ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็หาเรื่องไป หรือหลบๆ หลีกๆ เขาจะมีการประชุมใหญ่ เขาจะมีการสัมมนา ก็ไม่อยู่เสียนี่ อย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ อย่างนั้นไม่ใช่คนชื่อจำลอง

ทีนี้เหตุการณ์มันเกิดขึ้น 2 ครั้ง 2 คราว บางคนก็อาจจะเชื่อ บางคนก็อาจจะยังไม่เชื่อ อยากจะให้ พล.ต.จำลอง ช่วยให้ความมั่นใจกับพันธมิตรฯ

- มั่นใจก็คือว่าครั้งต่อๆ ไปคงไม่มีอีกแล้วล่ะประชุมต่างประเทศ ตามรายการของผมไม่มี ถ้ามีมาตรงกันผมก็ต้องปฏิเสธ เพราะผมยังไม่ได้รับปากเขา ขอยืนยันนะครับว่ามีการประชุมต่อไปๆ ไม่ว่าจะประชุมแล้วทำอะไรกันผมเอาด้วยทั้งนั้นล่ะครับ และอีกอย่างหนึ่งก็คือ อีกฝ่ายหนึ่งเขามักจะเข้าใจไปอีกอย่างหนึ่งว่าคนชื่อจำลองมีประวัติอย่างนี้ๆ มาแล้ว เป็นนักชุมนุมอาชีพ เอะอะอะไรก็มานำประชาชนอยู่เรื่อย ผมขอยืนยันนะครับผมออกมาในการประท้วง ในการคัดค้านอะไรแต่ละที ผมมาทีหลังเขาทั้งนั้นแหล่ะ ไม่ได้เป็นผู้นำ ไม่ได้ชิงการนำ ไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นผมไม่ใช่คนสำคัญนะครับ คนสำคัญคือพวกเราทั้งหมด เพราะฉะนั้นเอาเราเป็นคนสำคัญได้อย่างไร ก็ดีไปอย่างเหมือนกันที่ผมติดประชุม 2 ครั้งนี่เพื่อแสดงว่าผมไม่ใช่คนสำคัญ ถ้าคนสำคัญก็จะต้องฟังผมนะช ผมจะต้องบอกว่า เอ๊ยผมไม่อยู่เสียคนคุณประชุมได้ยังไง ต้องผมเท่านั้น มันก็ไม่ใช่อีก เพราะฉะนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันที่แสดงให้เห็นว่าผมไม่ใช่คนสำคัญของการชุมนุมประท้วงนะ เป็นคนๆ หนึ่งที่ร่วมกับพี่น้องประชาชนหลายต่อหลายคนที่ออกมาในแต่ละครั้งแต่ละคราว เท่านั้นเองครับ ขอบคุณครับที่ถามคำถามนี้ จะได้ให้ความมั่นใจกับหลายต่อหลายคนที่ติดตามอยู่ และขอบคุณเหมือนกันครับที่หลายคนจ้องอยู่ว่าจะมีผมหรือเปล่านะครับ

แสดงว่าครั้งต่อไป พล.ต.จำลอง มั่นใจว่าจะต้องไปร่วมแน่นอนสำหรับเวทีการสัมมนาหรือแม้แต่การประชุมทุกวันพุธ

- ใช่ครับ และทุกวันพุธนี่แกนนำเขาก็บอกไว้แล้วว่าแล้วแต่นะครับ ถ้าบางพุธยังไม่มีสถานการณ์อะไรเพิ่มเติมก็อาจจะเลื่อนไปก่อน เพราะเราจะทำตามสถานการณ์เท่านั้น เราไม่ใช่ทำตามใจ ถ้าทำตามใจจะต้องกำหนดว่า วันนั้น เวลานี้ ต้องประชุมที่นั่นที่นี่ นี่ไม่ใช่ครับ นี่คือลักษณะการทำงานของพันธมิตรฯ

คุยในเบื้องต้นเมื่อสักครู่นี้ก็พอจะทราบ ขออนุญาตนะคะ ที่ได้มีการประชุมกับแกนนำพันธมิตรฯ นะคะ อยากจะทราบว่าหลังจากการสัมมนาทางวิชาการที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วหลังจากนี้เราจะมีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้างคะ

- โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประชุมเครือข่าย ซึ่งมีคณะกรรมการอยู่หลายคณะ และครอบคลุมไปหมดทั่วทุกภาคของประเทศไทย จะเป็นการรวมตัวที่เหนียวแน่น มั่นคง จำนวนมากกว่าเก่าอีกเยอะแยะทีเดียว หลายต่อหลายคนก็เห็นแล้วนะครับว่าพันธมิตรฯ ประชุมด้วยความสงบ ด้วยความสุภาพ อหิงสา ไม่ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายแต่อย่างใด นี่นะครับ การสัมมนาทางวิชาการที่ธรรมศาสตร์นี่ อีกฝ่ายหนึ่งพยายามหาเรื่องมา ว่าจะเกิดเหตุใหญ่ในบ้านเมือง จะมีการชุมนุมอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ใช่ เขาสัมมนาทางวิชาการ ซึ่งเรื่องนี้อย่างนี้คุณสนธิ และคณะ เขาทำมาก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว ทำตั้งแต่ผมยังไม่ได้ออกไปคัดค้านเสียด้วยซ้ำ ไปร่วมคัดค้านด้วยซ้ำ เขาทำมาแล้ว มันเป็นเรื่องปกติธรรมดา เมื่อประชาชนเห็นอย่างนี้ว่า อ๋อ นี่เขามีเจตนาบริสุทธิ์นะ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนะ เลยมีคนมารวมตัวกันเป็นเครือข่าย ขยายออกไปมากขึ้นๆ มีหลายกิจการที่เราจะต้องประชุมกัน นี่ล่ะครับที่เราจะทำกันต่อไป เพราะฉะนั้นอย่างที่ออกมาเตือนเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ว่าขอให้ประชาชนที่เป็นห่วงเป็นใยชาติบ้านเมือง ที่ติดตามข่าวคราว จงเตรียมตัวให้พร้อม ในการที่จะออกมาทุกรูปแบบเพื่อช่วยกันรักษาบ้านเมืองไว้ไม่ให้เกิดวิกฤต ไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ไม่ให้เกิดความย่ำแย่ต่อไปภายภาคหน้า นี่ก็เป็นเรื่องที่เห็นเด่นชัดนะครับว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ และที่เราออกมาครั้งแรกเราออกมาพูดกันถูกต้องใช่ไหม ว่ากำลังจะมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม พวกเราเห็นทนไม่ได้เลยออกมา แล้วเขาจะแทรกแซงไปถึงขนาดที่เขาจะย้ายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส แล้วเขาก็ทำจริงๆ ประชาชนก็เห็นว่าคณะนี้เขาทำเขามีเหตุมีผลนะ ไม่ได้ทำเพื่อความเคียดแค้นชิงชังกับคนนั้นคนนี้ กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ เพราะฉะนั้นเราน่าจะไปร่วมกัน น่าจะเป็นเครือข่าย และเพื่อประสานกันเพื่อทำให้บ้านเมืองนี้สามารถอยู่รอดปลอดภัยต่อไป บ้านเมืองเราไม่ได้ฝากไว้กับนักการเมือง เหมือนอย่างที่ว่าเขาเป็นลูกจ้างชั่วคราว บ้านเมืองเราฝากไว้กับทุกคน ทุกคนมีหน้าที่ทั้งนั้น ไม่ใช่คุณคนหนึ่ง หรือผมคนเดียว ไม่ใช่นะครับ

สุดท้ายเลยนะคะ นี่เป็นคำถามโดยตรงจากพันธมิตรจากหลายๆ จังหวัดที่ดิฉันได้รับทราบข้อมูลมา เขาถามมาว่ามันมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหนสำหรับการเข้าร่วมในเวทีสัมมนาในแต่ละครั้ง อย่างครั้งแรกนี่คือที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาได้รับฟังข่าวสารมาจากทางด้านของอีกฟากฝั่งหนึ่งว่าจะมีการชุมนุม มีการประท้วง และอาจจะมีการปะทะกัน ตรงนี้อยากให้ความมั่นใจกับทางพันธมิตรหน่อยค่ะ

- เป็นเรื่องที่เขากุข่าวขึ้นมาว่าจะเกิดเหตุรุนแรงอย่างโน้นอย่างนี้ เพื่อประชาชนจะได้ไม่ไป จะได้โหรงเหรง แล้วก็ไม่สามารถจะไปคัดค้านเขาจะปู้ยี่ปู้ยำบ้านเมืองยังไงเขาก็ทำไปได้ เพราะพวกนี้ง่อยเปลี้ยเสียขาไปแล้ว จัดการประชุมก็ประชุมไม่ได้ มาประชุมกันไม่กี่คนเลย เนื่องจากเขาจะใช้เรื่องนี้ล่ะครับเป็นเรื่องที่บอกประชาชนว่าอย่าไปนะ อย่าไป ไปแล้วแย่เลยนะ ไปแล้วเสร็จเลยนะ ผมถามหน่อยคราวที่แล้วมีอะไรเกิดขึ้นครับ

ไม่มีค่ะ

- เป็นการชุมนุมหลายครั้งหลายหน ทั้งกลางวันก็มี กลางคืนก็มี ไปแล้วกลับก็มี ไปแล้วปักหลักพักค้างก็มี ค้างกัน 34 วัน 34 คืน นอนกลางถนนก็มี มีอะไรเกิดขึ้นไหมครับ นี่คือตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดใช่ไหมครับ ถ้ามันจะเกิดขึ้นมันเกิดขึ้นจากฝ่ายที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง ไม่ใช่ฝ่ายเรา ไอ้ฝ่ายที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมืองมันจะทำอะไร เมื่อไร ก็ได้ ภาคใต้มันทำกันโครมๆ นั่นล่ะครับ คือไอ้ฝ่ายโน้น ไม่ใช่ฝ่ายเรา เพราะฉะนั้นการที่เราจัดให้มีการสัมมนาทางวิชาการ แล้วไปดูสิครับรายการนี้สัมมนาทางวิชาการทั้งนั้น มีนักวิชาการออกมาพูดว่าบ้านเมืองมันเป็นอย่างนี้นะ สถานการณ์มันเป็นอย่างนั้นนะ ประชาชนอย่างเราอัดอั้นตันใจนะ เรามีทางออกนะ เราจะช่วยกันหาทางออกอย่างไร นี่คือการสัมมนาทางวิชาการที่หอประชุมธรรมศาสตร์ หอประชุมใหญ่ เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องประชาชนไว้วางใจนะครับ แต่ถ้าไอ้ฝ่ายโน้นมันตั้งหน้าตั้งตาที่จะหาเรื่องหาราวมันก็ทำได้ทั้งนั้น จะเอาระเบิดไปปาใครก็ได้ อย่างตอนนั้นเห็นไหมครับ เอาระเบิดไปปาหน้าบ้านป๋า มันก็ทำ ไปจุดระเบิดไว้ที่หน้าสันติอโศก มันก็ทำ ไม่ใช่ฝ่ายเรา เขาจะเอาเรื่องนี้มาสยบไม่ให้เราออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งเราบอกเลยเรายอมไม่ได้หรอกครับ แล้วเราไม่ใช่คนที่ทำให้เกิดความรุนแรง ถ้าจะเกิดเกิดเพราะพวกนั้นแล้ว แม้ไม่สัมมนามันก็หาเรื่องได้ มันก็ทำได้อีกเหมือนกันครับ

ฉะนั้นก็อยากจะให้พันธมิตรฯ ไม่ต้องเกรงกลัวกับเรื่องอิทธิพลหรือภัยมืดต่างๆ ก็ขอให้มารวมตัวกัน แล้วก็มาสัมมนาทางวิชาการที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

- และเรื่องนี้นะครับ เรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งเราเตรียมการไว้พร้อมแล้วที่จะแจ้งเขา เราจะไปทำอะไร เมื่อไร ที่ไหน อย่างไร ตำรวจเขาเรียนมาทางนี้โดยเฉพาะนะครับ เขากินเงินเดือนเรา 2 แสนกว่าคนก็เรื่องนี้นะครับ รักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของเขา หน้าที่ของเราคือจะต้องออกมาร่วมกันในการรวมผนึกกำลังกันเพื่อช่วยกันให้บ้านเมืองเราไปรอด ต่างคนต่างทำหน้าที่ครับ และนั่นเป็นหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งเราเชื่อว่าเขาสามารถทำได้ เรื่องจิ๊บจ๊อย เรื่องเล็กนิดเดียว ทำไมจะรักษาความสงบไม่ได้ แค่นี้ แล้วตอนนั้นมากินมานอนกันกลางถนนเป็นเดือน เขายังรักษาความสงบได้เลย แล้วแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ แต่ถ้ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นก็แสดงว่าอีกฝ่ายหนึ่งมันตั้งหน้าตั้งตาทำกันจริงๆ ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งตั้งหน้าตั้งตาทำจริงๆ ไม่จัดสัมมนามันก็ทำได้ ที่ไหนก็ทำได้ทั้งนั้นแหล่ะ

นี่ก็ถือว่าเป็นคำยืนยันจาก 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้งเรื่องของประเด็นที่ไม่ได้เข้าร่วมในเวทีการสัมมนาวันที่ 28 มีนาคมนี้ รวมไปถึงให้ความมั่นใจกับประชาชนชาวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ทั้ง 5 แกนนำพันธมิตรฯ นั้นไม่ได้มีการแตกคอตามที่มีข่าวออกมา ในช่วงนี้ก็ถือว่าคงจะมั่นใจกันและอย่าลืมนะคะไปรวมตัวกัน ร่วมกันรับฟังการสัมมนาในเวทีความรู้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันศุกร์ที่ 28 มีนาคมนี้ค่ะ






กำลังโหลดความคิดเห็น